• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กลัวเอดส์

ถาม :  อั้ม/พะเยา
ดิฉันขอถามปัญหาเกี่ยวกับเอชไอวี ดังนี้

1. เชื้อเอดส์สามารถรักษาได้หรือไม่

2. การออกกำลังกาย กินอาหาร ช่วยให้หายจากเอดส์ได้หรือไม่

3. เชื้อเข้าสู่ร่างกายแสดงอาการเมื่อใด
ขณะนี้ลิ้นเป็นฝ้า ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ได้ยาเม็ดสีฟ้ากับยาเม็ดสีชมพู กินก็หายพักเดียว ขณะนี้เป็นอีก ยาหมด อยากรู้ว่ายาอะไร ไปหาหมอโรคผิวหนังมา ถามหมอก็เหมือนหมอจะกลัว เหมือนรังเกียจ ไม่ยอมเข้าใกล้เลย ถามอะไรหมอก็บอกปัด ถามหมอว่ารักษาได้มั้ย หมอก็ไม่มีคำตอบอะไรให้ ทำให้เครียดมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะติดเชื้อ เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตเสี่ยง เพราะเป็นคนรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์
ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก เพราะอดีตแฟนเคยเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ดิฉันควรปฏิบัติตัวอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรง จำเป็นต้องกินยาอะไรบ้าง
 

  
ตอบ : พญ.นันทิสา  โชติรสนิรมิต และ นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์

ขอตอบเป็นภาพรวมเกี่ยวกับโรคเอดส์ โดยไม่แยกตอบเป็นข้อๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้
โรคเอดส์หรือโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถถ่ายทอดติดต่อกันได้ ๓ ทางหลักๆ ด้วยกัน คือ 1. การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ

2. ผ่านทางเข็มฉีดยาเสพติดที่สัมผัสกับเลือดที่มีเชื้อไวรัสอยู่

3. การถ่ายทอดผ่านจากแม่ที่ติดเชื้อไปสู่ทารกในครรภ์
เมื่อเชื้อเอชไอวีผ่านเข้าสู่ร่างกายในระยะแรกๆ อาจทำให้เกิดอาการในระยะเฉียบพลันคือ ไข้ เจ็บคอ ถ่ายเหลว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต แต่บางคนอาจจะไม่สังเกตเห็นอาการผิดปกติใดๆ เลยก็ได้ หลังจากนั้นเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายจะค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในระยะนี้ เราอาจไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ ให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนนานกว่า ๕-๗ ปี บางรายอาจไม่มีอาการผิดปกตินานเกินกว่า ๑๐ ปีก็มีเหมือนกัน เนื่องจากเชื้อไวรัสเอชไอวีจะไปทำลายเม็ดเลือดขาวบางชนิดในร่างกายที่เรียกว่า เม็ดเลือดขาว CD4 จึงทำให้ผู้ติดเชื้อเริ่มมีภูมิต้านทานต่อโรคทั่วๆ ไปลดลง และเริ่มมีอาการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแปลกๆ ให้เห็นบ่อยขึ้น เช่น ลิ้นเป็นฝ้าขาวจากเชื้อรา ท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักตัวลดลง อาจเป็นโรคงูสวัดแบบรุนแรง เป็นโรคเชื้อราขึ้นสมอง หรือ โรควัณโรค เป็นต้น

ปัจจุบันมีการพัฒนายาต้านไวรัสเอดส์หลายชนิดออกมาใช้รักษาอย่างได้ผล แพทย์จะพิจารณาเริ่มให้กินยาต้านเมื่อระดับภูมิต้านทานลดลงไปพอควร โดยดูจากระดับเม็ดเลือดขาว CD4 หากลดลงต่ำกว่า ๒๕๐ ตัวต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ก็ควรจะเริ่มกินยาต้านไวรัสได้ 
ไม่มีการรักษาโรคเอดส์ด้วยวิธีผ่าตัดหรือถ่ายเลือด แม้ว่ายาต้านไวรัสจะไม่สามารถทำลายเชื้อเอดส์ให้หมดไปจากร่างกายได้ แต่ก็ช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสในเลือดลงไปได้อย่างมาก ทำให้เรามีเม็ดเลือดขาว CD4 เพิ่มสูงขึ้น และภูมิต้านทานโรคดีขึ้นตามไปด้วย แต่ที่สำคัญที่ต้องจดจำไว้และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็คือต้องกินยาต้านไวรัสให้ถูกต้อง กินทุกวัน ห้ามขาดยา เพราะอาจมีผลทำให้เชื้อไวรัสดื้อต่อยารักษาได้ หากเราขาดยาหรือลืมกินยาบ่อยๆ
สำหรับการใช้สิทธิรักษาพยาบาล โชคดีของประเทศไทยที่รัฐบาลกำหนดให้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพที่มีในการรักษาโรคเอดส์ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประกันสังคม บัตรฟรีรักษาทุกโรค และสวัสดิการของราชการ ฉะนั้น หากคุณติดเชื้อเอดส์จริง ย่อมใช้สิทธิที่มีอยู่ เข้าไปขอรับการรักษาฟรีได้จากโรงพยาบาลที่ดูแลคุณอยู่

คุณมีอาการลิ้นเป็นฝ้า ซึ่งปกติอาการลิ้นเป็นฝ้าอาจจะเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้มากมาย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์เสมอไป คุณบอกว่าไม่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยง แต่แฟนของคุณอาจจะเคยมีพฤติกรรมเสี่ยงมาก่อน จึงมีความเป็นไปได้ที่คุณอาจจะติดจากเขา มากกว่าที่เขาจะติดเชื้อจากคุณ

ฉะนั้น ขอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลใกล้บ้านที่คุณใช้สิทธิประกันสังคมได้ เพื่อขอรับคำปรึกษาและขอตรวจเลือดดูก่อน เพื่อดูว่าคุณมีผลเลือดเป็นบวกจากการมีเชื้อไวรัสเอดส์อยู่จริงไหม มีโอกาสที่ผลเลือดอาจเป็นปกติ ก็แปลว่าคุณไม่ได้ติดเชื้อ จะได้รักษาโรคตามต้นเหตุที่เป็น
เคยเจอเหมือนกันที่คนไข้กลัวเป็นโรคเอดส์มาก กลัวจนเครียด เลยทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาวมากขึ้นก็มี เพราะนอนไม่หลับ คิดมาก กินอาหารไม่อร่อย ร่างกายเลยทรุดโทรมลง แต่พอไปตรวจเลือดแล้ว ผลออกมาเป็นลบ ลิ้นที่เป็นฝ้าหายไปเลย และอยู่อย่างสุขสบายมาจนถึงปัจจุบัน

ถ้าหากผลการตรวจเลือดเป็นบวกจากโรคเอดส์อย่างที่คุณวิตกกังวลอยู่จริง ก็แสดงว่าคุณน่าจะติดมาจากสามีหรือจากพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจจะลืมไปแล้ว

ปัจจุบัน โรคเอดส์ไม่ได้เป็นโรคน่ากลัวหรือน่ารังเกียจเหมือนสมัย ๑๐ กว่าปีก่อนแล้ว เพราะทั่วโลกมีคนติดเชื้อเอดส์ที่มีชีวิตอยู่มากกว่า ๓๐ ล้านคน