ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดแตกต่างกันหรือไม่
ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Influenza virus เป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ มีอาการเจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล และมีไข้คล้ายอาการของไข้หวัด แต่แตกต่างตรงที่ไข้หวัดใหญ่นั้น เด็กจะมีไข้สูง (39-40 °c) ซึ่งจะสูงกว่าไข้หวัดธรรมดา อาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและอ่อนเพลียมากกว่า แต่อาการคัดจมูกหรือมีน้ำมูกจะน้อยกว่าไข้หวัดมาก ซึ่งในบางรายอาจไม่มีอาการคัดจมูกหรือน้ำมูกเลยก็ได้
จำเป็นไหมลูกต้องได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ในผู้ใหญ่ปกติทั่วไปมักไม่มีความจำเป็นในการรับวัคซีน เนื่องจากไข้หวัดใหญ่จัดเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง การรักษาด้วยยาตามอาการ การพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ จะสามารถหายได้เองเป็นปกติภายในเวลา 3-5 วัน แต่ในเด็กเล็กนั้น ระบบภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงมักจะพบอาการแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและอาจมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงมีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กเล็ก ซึ่งนอกจากจะสามารถป้องกันโรคได้แล้วยังช่วยลดอัตราการแพร่เชื้อให้กับบุคคลในครอบครัวได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีราคาค่อนข้างสูง และจำเป็นต้องฉีดซ้ำทุกปี และบางครั้งวัคซีนที่ใช้อาจไม่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย แต่ยังสามารถป้องกันโรคได้พอสมควร ทั้งนี้เพราะการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เริ่มทางแถบเอเชียก่อนที่วัคซีนสายพันธุ์นั้นๆ จะถูกผลิตออกมา ดังนั้น การเลือกฉีดวัคซีนป้องโรคไข้หวัดใหญ่ ผู้ปกครองควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า และอาจขอคำปรึกษาและแนะนำจากแพทย์ด้วย
ทำไมต้องฉีดวัคซีนซ้ำทุกปี
เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดใหญ่ๆ คือ ชนิด A, B และ C ซึ่งแต่ละชนิดยังแบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยๆออกไปอีกมากมาย โดยการระบาดของโรคนั้น สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุจะมีการผลัดเปลี่ยนกันไปทุกปี ดังนั้น การผลิตวัคซีนจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกปีตามเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่มีการระบาด เพื่อให้ครอบคลุมเชื้อที่เป็นสาเหตุ ประกอบกับหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานโรคขึ้นมาโดยสามารถป้องกันโรคได้นานเพียง 1 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นหากได้รับเชื้อซ้ำอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นเชื้อตัวเดิมหรือเชื้อตัวใหม่ก็ตาม ก็สามารถป่วยเป็นโรคได้อีก
ทำไมเด็กบางคนฉีดเข็มเดียว บางคนฉีด 2 เข็ม
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในเด็กจะเริ่มที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป โดยขนาดและจำนวนเข็มที่ฉีดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงอายุของเด็ก ดังแสดงในตารางด้านล่างนี้
| อายุ | ขนาด | จำนวนเข็ม |
| 6 – 35 เดือน | 0.25 มล. | 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน |
| 3 – 8 ปี | 0.25 มล. | 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน |
| มากกว่า 8 ปี | 0.5 มล. | 1 เข็ม |
อาการข้างเคียงจากวัคซีน
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดวัคซีนที่มักพบโดยทั่วไป ได้แก่ อาการปวด เจ็บ บวม แดง บริเวณที่ฉีด และอาจมีไข้ได้ โดยผู้ปกครองสามารถให้ยา paracetamol เพื่อลดไข้และบรรเทาปวด ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นอาการปกติ อาจจะเกิดขึ้นทันที หรือ 1-2 วัน หลังการฉีดวัคซีนก็ได้ แต่หากมีอาการคล้ายเกิดการแพ้ เช่น หายใจลำบาก เสียงแหบ หรือหายใจมีเสียงหวีด ลมพิษ ตัวซีด หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนศีรษะ ให้รีบนำเด็กไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
ข้อห้ามในการฉีดวัคซีน
ผู้ปกครองควรจะปรึกษากับแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน ในกรณีที่ลูกมีอาการแพ้ไข่อย่างรุนแรง (Anaphylactic) หรือเคยมีอาการแพ้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่เคยฉีดมาก่อน หากมีอาการไข้ หรือเป็นโรคที่มีอาการรุนแรง ในช่วงที่ต้องได้รับวัคซีน ควรจะรอจนกระทั่งอาการหายดีเป็นปกติก่อนที่จะฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ต่อไป
FAQs
Q: ช่วงเวลาใดเหมาะสมที่สุดในการฉีดวัคซีน
A: ในประเทศไทย ควรฉีดในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งพบว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่มากที่สุด แต่สำหรับในต่างประเทศมักระบาดในช่วงฤดูหนาว จึงแนะนำให้ฉีดก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว
Q: วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดนกได้หรือไม่
A: เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีทั้ง Influenza A, B, C สำหรับ Type A สายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุ ได้แก่ H1N1, H1N2, และ H3N2 แต่สำหรับเชื้อไข้หวัดนกจะเป็นเฉพาะ Type A สายพันธุ์ที่มักจะทำให้เกิดโรคในนกได้แก่ H5 และ H7 จะเห็นว่าเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ภูมิต้านทานที่สร้างขึ้นจึงไม่สามารถป้องกันโรคไข้หวัดนกได้
เรียบเรียงโดย ภญ.ณัชชา ผลศรัทธาศูนย์ข้อมูลยา (Drug Information Service)
ให้คำปรึกษาการใช้ยา โทร.02-6671480 E-mail: [email protected]
- อ่าน 5,073 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้








