ถาม : คืออยากทราบประจำเดือนของหนูไม่มาเลยตลอดเดือนพฤศจิกายนแต่ก้อมีเหมือนคล้ายเลือดค่ะแต่เป็นสีคร้ำๆออกมาแต่ก้อไม่ใช่ประจำเดือนค่ะ ซึ่งเดือนตุลาประจำเดือนมาวันที่ 22 ต.ค. จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มาเลยค่ะ แล้ววันที่ 5 ธ.ค หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วไม่ใส่ถุงยางเลย แฟนหนูบอกว่าไม่ได้ปล่อยข้างในแต่เหมือนมีน้ำอยู่ในช่องคลอดค่ะ พอหลังมีเพศวัมพัธุ์เสร็จมีเลือดออกมาค่ะเลยแปลกใจค่ะว่าผิดปกติอะไรหรือป่าวค่ะ พอตื่นเช้ามาหนูเลยไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน แล้วกรณีอยา่างหนูจะผิดปกติอะไรม้ยค่ะแล้วประจำเดือนของหนูจะมามั้ย ตอนนี้กลุ้มใจมากกลัวท้องแล้วหนูต้องตรวจครรภ์ว่าท้องตอนไหนค่ะ ให้คำด้วยนะค่ะ
ผู้ตอบ : ผศ.ดร.สุภัสร์ สุบงกช
ตามข้อมูลทางวิชาการ การกินยาคุมฉุกเฉินทั้งแบบฮอร์โมนผสม และแบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยวมีวิธีการกินเหมือนกันคือ ต้องกิน 2 ครั้ง
ครั้งแรกภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์
ครั้งที่สอง กินหลังจากที่กินครั้งแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง
หมายความว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์ตอนสองทุ่ม และกินยาเม็ดแรกตอน 5 ทุ่ม จะต้องกินยาเม็ดที่สองตอน11 โมงเช้าซึ่งก็คือ 12 ชั่วโมงถัดมานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังมีการศึกษาวิจัยว่า จำเป็นต้องกินยาเม็ดที่สองหรือไม่เพราะถ้าประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่กินเม็ดเดียว กับกรณีที่กินยาสองเม็ดนั้นไม่แตกต่างกันการกินแค่เม็ดเดียว น่าจะช่วยลดอาการข้างเคียงของยาลงได้แต่ยังไม่สามารถยืนยันผลใดๆเนื่องจากการศึกษาวิจัยนี้ยังไม่เสร็จสิ้น
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาคุมธรรมดาซึ่งที่ต้องกินเป็นประจำทุกวัน หากแต่ยาคุมฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนสุงกว่าเพราะผลิตขึ้นมาเพื่อ แก้ปัญหาให้แก่ผูหญิงที่ไม่ต้องการตั้งครรภ์ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น
1. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้วิธีคุมกำเนิดใดๆ
2. ใช้ถุงยางแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ารั่ว/แตก/หลุดหรือไม่
3. กินยาคุมชนิดธรรมดาอยู่ แต่ลืมเกินไป วันสองวันหรือนานกว่านั้น
4. ใส่ห่วงคุมกำเนิดแล้ว แต่มันหลุด
5. นับระยะปลอดภัย (หน้าเจ็ดหลังเจ็ด) ผิดพลาด
6. ถูกข่มขืน, มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ไม่เต็มใจ
ในภาวะฉุกเฉินที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี หลังจากมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการตั้งครรภ์ได้ประมาณ75% แต่ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์อยู่เป็นประจำ หรือมีเป็นระยะๆ คุณควรจะใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมดาซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่าการกินยาคุมฉุกเฉิน
ในกรณีที่ประจำเดือนมาช้าอาจจากเกิดจากความกังวลก็ได้ ในกรณีที่มีข้อสงสัยเรื่องตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาแพทย์แผนกสูตินรีเวชจะดีที่สุด
- อ่าน 1 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้








