คำถาม : ขอคำแนะนำยาแก้แพ้แบบกินและทา โรคภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบ เริ่มจากนิ้วมือลอกแดงอักเสบคันมากจากนั้นเป็น ๆ หาย ๆ หาหมอหลายที่กินสเตียรอยด์เยอะแล้วก็กลับเป็นอีกตอนนี้ลามไปทั่วตัวยกเว้นเท้าลักษณะผื่นนูน แดง หนา คันมากกิน cetrizin ติดกันวันละ 2 เม็ดเช้าเย็น 10 กว่าแผงแล้วไม่ดีขึ้นเลยปากขม ตืนสายปวดเมื่อย คันแทบจะทั้งวันเหงื่อออกไม่ได้เลย ทา elomet ดีขึ้นเร็วมากแต่กลับเป็น ๆ หาย ๆ ตอนนี้ไม่อยากหาหมอเพราะรู้ว่าต้องได้ prednisolone มากินอีกแน่เลย มีความรู้สึกว่าหมอทุกที่รักษาตามอาการให้สเตียรอยด์ทั้งกินทั้งทาและไม่บอกอีกต่างหากว่าเป็นสเตียรอยด์ จากการที่เป็นมานานหลายปี อยากขอรบกวนทราบเกี่ยวกับวิธีการทาและกินยาอย่างถูกต้องและถ้าไม่ใช้ยาดังกล่าวทั้งหมด มียาอย่างอื่นที่ไม่มีสเตียรอยด์หรือไม่ลืมบอกไปว่า อาบน้ำใช้สบู่น้ำมันมะรุมอย่างดี ก้อนละ 220.00 เล็กนิดเดียวส่วนโลชั่น ใช้ยูเซรีน 12% Omega ทาบริเวณที่ตุ่ม และผื่นนูนแดงหมดไปหลายขวดแล้วอย่างแพงเวลาซื้อก็บวกค่าหมอค่าบริการตกขวดละ 1,200 และใช้โลชั่นอีกตัวคือ ยูเซรีนโลชั่น F ฝาสีแดงสำหรับผิวแห้งมากทาทับอีกบ่อย ๆ มือก็ใช้ยูเรียครีมหลอดสีฟ้าของหมอมวลชนยี่ห้อ softer หมดไปเป็นสิบหลอดแล้วอย่าเพิ่งปวดหัวนะคะ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำยังไงจะหายหรือเว้นระยะห่างการขึ้นผื่นบ้างลายไปทั้งตัวไม่กล้าออกนอกบ้านอายุ 48 ปีไม่มีบุตร โรคประจำตัวคือ ไมเกรนและริดสีดวง แต่ตอนนี้มีปัญหาผิวหนังอักเสบอย่างมากอย่างเดียวค่ะ ไม่ทราบว่า telfast ดีมั้ยกินกี่ mg. เคยกิน ขนาด 60mg. ไม่ได้ผลเลยยังคันอยู่ดี แต่น่าจะเป็นยาดีกว่าตัวที่กินอยู่ใช่หรือเปล่า
ผู้ตอบ : ภก.ยงศักดิ์ ตันติปิฎก
โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่มีต่อสิ่งที่ทำให้แพ้หลักสำคัญของการจัดการกับโรคนี้ คือ ค้นหาสิ่งที่ทำให้เราแพ้ แล้วหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสกับสิ่งที่ทำให้แพ้นั้นที่สถาบันโรคผิวหนังหรือโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ เช่น ศิริราช รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลานครินทร์ ฯลฯ
สามารถทำการทดสอบได้ว่าเราแพ้อะไร ซึ่งจะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราแพ้ได้
แต่หากยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้แพ้ได้ชัดเจน แพทย์จะให้ยากินแก้แพ้ หรือยาทาประเภทสเตียรอยด์ซึ่งมีมากมายหลายขนาน ยาแก้แพ้ออกฤทธิ์ในทำนองเดียวกัน คือ ไปป้องกันสารอีสตามีน ซึ่งถูกกระตุ้้นให้หลั่งมากขึ้นในกระบวนการแพ้ไม่ให้ไปจับกับตัวรับซึ่งอยู่บริเวณที่จะแพ้ และช่วยป้องกันไม่ให้สารเคมีตัวอื่นๆ ในกระบวนการแพ้หลั่งตามออกมาจึงลดอาการคัน และเป็นผื่นที่ผิวหนังได้ (ในกรณีที่เป็นการแพ้ที่ผิวหนัง)ยาแก้แพ้รุ่นใหม่ๆ จะมีข้อดีที่กินแล้วอาจจะไม่ง่วง แต่มักมีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับยาแก้แพ้พื้นฐานอย่าง Chlorpheniramine แต่การกินยาแก้แพ้ก็ยังเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ยังไม่ใช่การจัดการที่ต้นเหตุโดยตรง เช่นเดียวกับการใช้ครีมสเตียรอยด์
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้ยาต่างๆ มานานหลายปี แต่อาการแพ้ยังไม่บรรเทาได้มากนัก ขอให้สังเกตว่ามีอะไรที่อาจทำให้คุณแพ้ได้ โดยเฉพาะเมื่อไปสัมผัสหรือกิน หากยังไม่พบ ก็ให้ไปตรวจเพื่อทดสอบหาสารที่ทำให้แพ้ เมื่อรู้ว่าแพ้อะไรก็ต้องหลีกเลี่ยงไม่สัมผัสกับสารนั้นอีก นอกจากนี้ ควรหาทางเสริมสร้างให้สุขภาพแข็งแรง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การบริหารกาย-จิต (โยคะ ไท้เก๊ก ชี่กง ฯลฯ) การกินอาหารธรรมชาติ กินพืชผักธรรมชาติพื้นบ้านต่างๆ เป็นต้น โดยไม่จำเป็นต้องหาผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอวดอ้างและมีราคาแพงมากินให้สิ้นเปลืองเพราะการเสริมสร้างสุขภาพควรจะเป็นสิ่งที่เราปฏิบัติอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันซึ่งต้องต่อเนื่องยาวนานจึงจะเห็นผลของการเปลี่ยนแปลง
- อ่าน 16,964 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้