คำถาม : ดิฉันมีอาการกระดูกตรงก้นเคลื่อนเล็กน้อยเกิดจากทำโยคะท่าเหยียดขาไปข้างหน้าและข้างหลังเกิดเสียงดังก๊อกของกระดูกที่เคลื่อนมีอาการหน้ามืด และเจ็บมีผลทำให้เวลานั่งเหมือนนั่งทับกระดูกชิ้นที่เคลื่อนเจ็บจากการเสียดสีจนต้องนั่งก้นเดียวถ้านั่งนานจะเจ็บร้าวลงถึงใต้เข่าจนเดินไม่ถนัด บางวันชาบางวันคันก้นบางวันเจ็บในกระดูกก้นเหมือนโดนฉีดยาตอนนั่งนานๆปวดร้าวลงขาจึงทำโยคะซ้ำท่าเดิมทำให้นั่งได้ดีขึ้นแต่ไม่หายขาดแต่ยังคงกังวลเรื่องกระดูกกดทับและเสียดสีเวลานั่งอยากให้กระดูกกลับเข้าที่จึงไปทำกายภาพบำบัดแล้วดีขึ้นบ้างแต่กระดูกยังไม่เข้าที่และตอนนี้มีปัญหาเรื่องเส้นใต้เข่าตึงเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากไปทำกายภาพแล้วหมดนวดกดโดนเส้นที่ก้นเวลาเหยียดขาจากการนั่งพับเพียบจะเจ็บมากดิฉันไม่อยากผ่าตัดยังมีวิธีแก้อาการให้เป็นปกติได้หรือไม่
ผู้ตอบ : กวี คงภักดีพงษ์
คำถาม “อาการกระดูกก้นเคลื่อน” ที่ถามมานั้น ข้อมูลไม่พอที่จะตอบน่ะครับ ไม่ทราบกระดูกที่ว่านี้คือชิ้นไหน กระดูกที่มีปัญหาเป็นอย่างไร เคลื่อนหรือร้าว เส้นประสาทบริเวณรอบๆ เป็นอย่างไร กล้ามเนื้อบริวเวณรอบๆ ตอนนี้เป็นอย่างไร? สิ่งที่เราน่าจะทำเบื้องต้นคือ วินิจฉัยโรค ซึ่งแพทย์แผนตะวันตกจะมีความเชี่ยวชาญ มีเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยที่สามารถบ่งบอกถึงสภาพที่เป็นอยู่ได้โดยละเอียด
เมื่อได้ข้อมูลที่เพียงพอแล้ว ขั้นต่อไปก็คือเลือกวิธีการรักษา ซึ่งถ้าสภาพรุนแรงเกินกว่าร่างกายจะฟื้นฟูตัวเองได้ เจ็บปวดมากจนไม่สามารถดำเนินชีวิตปกติ อาจจะต้องผ่าตัด แต่ถ้ายังพอไหว การทำกายภาพบำบัดก็เป็นวิธีที่ดี แนะนำให้หานักกายภาพบำบัดที่เข้าใจโยคะ เช่นที่ คลินิกกายภาพบำบัดของมหาวิทยาลัยมหิดล http://www.pt.mahidol.ac.th/ptclinic/<
เรื่องการนวดก็เป็นอีกวิธีรักษา ซึ่งก็เช่นกัน ในกรณีนี้ ควรเป็นหมอนวดที่มีความเชี่ยวชาญในการนวดเพื่อรักษาโดยตรง ไม่ใช่หมอนวดทั่วไปหรือเลือกรักษาแบบอายุรเวท โดยเป็นหมอที่มีความชำนาญในเรื่องอาสนะด้วย
อีกทางเลือกก็คือรักษาโดยตนเอง ด้วยโยคะตามแนวทางตำราดั้งเดิม โยคะแนวนี้ มีเป้าหมายคือ จิตอันเป็นสมาธิ โดยผลพลอยได้คือ ร่างกายที่สมดุล
การทำท่าอาสนะตามแนวทางตำราดั้งเดิมนั้น ไม่เน้นฝึกท่ามากๆ มีเพียง 1 ท่าศพ 2 คันไถ ½ ตัว 3 จระเข้ 4 ท่างู 5 ท่าตั๊กแตน 6 ท่านั่งพัก 7 ท่าหัวจรดเข่า 8 ปัศจิโมทนา 9 ท่านั่งเพชร 10 ท่าโยคะมุทรา 11 ท่าบิดหลัง 12 ท่าภูเขา 13 ท่ากงล้อ และ 14 ปิดท้ายด้วยท่าศพ
การฝึกอาสนะตามตำราดั้งเดิมนี้ ไม่ฝืน ไม่บังคับร่างกาย โดยใช้หลักที่ระบุไว้ในตำราปตัญชลีโยคะสูตรว่า 1 นิ่ง 2 สบาย 3 ใช้แรงน้อย และ 4 มีสติ เรียกว่าตลอดเวลาของการทำอาสนะ ผู้ฝึกจะฟังตนเอง ค่อยๆเรียนรู้ตนเอง เข้าใจตนเอง รู้จักตนเอง เอื้อเวลาให้เกิดการจัดปรับสมดุลภายในกาย-ใจตนเอง เกิดความผ่อนคลาย ทำเสร็จร่างกายเบา สบาย คล่องแคล่ว ขณะที่จิตแจ่มใส เบิกบาน ตื่นรู้ เมื่อทำอาสนะตามหลักการนี้ไปอย่างสม่ำเสมอ จิตก็ค่อยๆ เป็นสมาธิ ขณะที่ร่างกายค่อยๆมีความสมดุลมากขึ้น รวมทั้งหากมีความผิดปกติใดๆ ในร่างกาย ก็ค่อยๆ ซ่อมแซม ค่อยๆ ฟื้นคืนให้ดีขึ้นๆ ได้ โดยอาศัยระยะเวลาที่เหมาะสมตามธรรมชาติ ตามอาการที่เป็น บางอาการที่ไม่รุนแรง อาจใช้เวลา 6 สัปดาห์ โดยทั่วไป ก็ประมาณ 3 เดือน ส่วนที่อาการค่อนข้างมาก อาจใช้เวลาเป็นแรมปี บางกรณีก็ฝึกกันไปตลอดชีวิตหยุดฝึกเมื่อไหร่อาการก็กลับมาอีก ก็มี (www.thaiyogainstitute.com<)
ฝากคุณผู้ฝึกโยคะพิจารณา และขอเอาใจช่วยให้คุณฯ หายจากอาการครับ
- อ่าน 4,957 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้








