• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เคมีบำบัด รักษามะเร็ง

ถาม : สุปราณี/ขอนแก่น

พี่สะใภ้ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องให้เคมีบำบัด ไม่ทราบว่าการให้เคมีบำบัดมีกี่วิธี และการให้เคมีจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างไรบ้าง

ตอบ : นพ.ชัยยศ ธีรผกาวงศ์

การให้เคมีบำบัดเป็นการให้ยารักษามะเร็งโดยเฉพาะ โดยยาที่ใช้อาจเป็นชนิดเดียวหรือหลายชนิดร่วมกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค รวมทั้งสภาวะของผู้ป่วยด้วย

วิธีการให้เคมีบำบัดมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น การกิน ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือใต้ผิวหนัง ฉีดเข้าบริเวณไขสันหลัง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง หรือผสมยาเคมีบำบัดในขวดสารน้ำและให้หยดอย่างต่อเนื่องเข้าหลอดเลือดดำ และฉีดเข้าช่องท้อง ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและชนิดของยา

โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาเคมีบำบัด ๓ ชุดขึ้นไป แต่ละครั้งอาจใช้เวลา ๑-๒ วันหรือมากกว่า และมีระยะพักของการให้ยาแต่ละครั้งขึ้นกับการรักษา โดยมากจะให้ประมาณ ๖ ครั้ง แล้วแต่ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และการตอบสนองต่อยา

ดังนั้น ผู้ป่วยต้องมารับยาตามนัดทุกครั้ง หากไม่สามารถมาตามนัดได้ ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาเลื่อนการรักษาและไม่ควรหยุดการรักษาเอง ก่อนรับยาและช่วงระหว่างการรับยาแต่ละครั้ง แพทย์จะตรวจร่างกายและตรวจเลือดเพื่อประเมินความสมบูรณ์ของผู้ป่วย มีการติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ โดยการตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจอัลตราซาวนด์ การตรวจคอมพิวเตอร์แสกน

หากผลการรักษาไม่ดีพอ หรือเนื้องอกไม่ยุบ แพทย์จะเปลี่ยนชนิดของยาเคมีบำบัดหรือเปลี่ยนวิธีการรักษาตามความเหมาะสม

การรับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยควรกินอาหารก่อนเริ่มรับยาประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง ปัสสาวะให้เรียบร้อย ช่วงระหว่างการรับยาให้นอนในท่าที่สบาย ไม่ควรเคลื่อนไหวแขนข้างที่รับยามากเกินไป ไม่ปรับหยดของสารน้ำเอง หากสารน้ำหยดเร็ว หรือมีอาการปวดบวมบริเวณที่ได้รับสารน้ำ ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที

การให้ยาเคมีบำบัด อาจมีผลข้างเคียงในขณะที่กำลังได้รับยา หรือหลังจากได้รับยาแล้ว ผู้ป่วยต้องแจ้งผลข้างเคียงให้แพทย์ทราบทุกครั้ง เพื่อจะได้ปรับขนาดของยาให้เหมาะสม นอกจากนี้ก่อนการให้ยาเคมีบำบัดผู้ป่วยที่มีฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ ควรพบทันตแพทย์เพื่อรักษาการอักเสบติดเชื้อให้หาย ก่อนเริ่มรับยาเคมีบำบัด