ถาม : บังอร/พระนครศรีอยุธยา
ในกรณีที่น้ำท่วมขัง มีวิธีการดูแลป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดอย่างไรบ้าง
ตอบ : นพ.วินัย รัตนสุวรรณ
หากมีอาการของน้ำกัดเท้าต่อเนื่อง ผิวที่เปื่อยลอกจะติดเชื้อราได้ และมีอาการผื่นแดง แฉะ มีขุยขาวลอกบริเวณซอกนิ้ว หรือเป็นชนิดผื่นหนาเปื่อยยุ่ย ลอกเป็นขุยทั้งที่ฝ่าเท้าและซอกนิ้ว มีกลิ่นเหม็น หรือที่เรียกว่า ฮ่องกงฟุต หากเป็นเรื้อรังผื่นจะหนาขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการรักษา
การรักษาเชื้อราที่ผิวหนังให้ได้ผล ต้องทายาฆ่าเชื้อราอย่างสม่ำเสมอ และควรทายาต่อเนื่องอย่างน้อย ๔ สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณผื่น เพราะจะทำให้ผิวแห้งและคันมากขึ้น ที่สำคัญควรรักษาความสะอาดและให้เท้าแห้งอยู่เสมอจะช่วยป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรคได้
นอกจากการติดเชื้อราแล้ว ภาวะที่ผิวหนังมีการอับชื้นอยู่เป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อที่ผิวหนังชั้นตื้นๆ ทำให้ผิวหนังเปื่อยยุ่ยเป็นหลุมเล็กๆ ซึ่งไม่มีอันตรายร้ายแรงนอกจากจะมีกลิ่นเหม็น แต่หากเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นลึก ซึ่งมักเกิดตามหลังการมีบาดแผลถลอกหรือแผลถูกทิ่มตำโดยของมีคมใต้น้ำ จะเป็นโรคกลุ่มไฟลามทุ่ง ผิวหนังจะบวมแดงร้อน กดเจ็บและต่อมาลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง อาจมีไข้สูงและต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโต
ดังนั้น หากมีอาการติดเชื้อในผิวหนังชั้นลึก ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจจำเป็นต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือด
การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วมขัง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังสัมผัสน้ำสกปรกต้องรีบล้างทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำสะอาดและสบู่แล้วเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า หมั่นสำรวจผิวหนังให้ทั่ว หากมีแผลถลอกต้องรีบเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน และหากเป็นแผลลึกถูกของมีคมทิ่มตำอาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักด้วย
ฉะนั้น การดูแลตนเองในเบื้องต้นอย่างถูกวิธี จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่จะตามมาได้
- อ่าน 3,786 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้