ถาม : ธิดารัตน์/ชัยภูมิ
ดิฉันอายุ ๓๐ ปี สูง ๑๕๕ เซนติเมตร น้ำหนัก ๕๐ กิโลกรัม (แต่งงานมา ๒ ปีแล้ว ไม่มีลูก เพราะยังไม่พร้อมใช้วิธีกินยาคุมกำเนิด)
มีปัญหาจะขอเรียนถามคุณหมอคือ ดิฉันมักจะปวดศีรษะข้างเดียว ปวดมาก กินยาปวด (พาราเซตามอล) ก็ไม่หาย จึงขอเรียนถามคุณหมอเป็นข้อๆ ดังนี้
๑. ปวดศีรษะข้างเดียวมากและใบหน้าข้างที่ปวดจะชาจนไม่รู้สึก เลย ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
๒. โรคนี้เกิดจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ หรือว่าเกิดจากการคิดมากคะ (คุณแม่ก็ปวดศีรษะในลักษณะนี้และก็เสียชีวิตไปแล้ว)
๓. โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม
ขอความกรุณาคุณหมอช่วยตอบด้วยนะคะ
ตอบ : นพ.นิพนธ์ พวงวิรนทร์
๑. อาการปวดศีรษะข้างเดียวพร้อมกับอาการใบหน้าข้างนั้นชา อาจจะเป็นโรคหรือภาวะต่างๆ ได้หลายอย่าง เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ซึ่งมักจะมีอาการตาพร่ามัว คลื่นไส้อาเจียน และลักษณะการปวดศีรษะมักจะปวดแบบตุ๊บๆ ในกรณีเช่นนี้อาจมีประวัติอาการปวดศีรษะในครอบครัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่หรือญาติพี่น้องที่เป็นหญิง เนื่องจากโรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ราว ๔ เท่าตัว โรคนี้เป็นโรคที่พบบ่อย และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ในคนอายุน้อย
นอกจากนี้โรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายกัน คือปวดใบหน้าซีกเดียวจาก ประสาทสมองคู่ที่ ๕ มีการระคายเคืองหรือถูกกระตุ้นตลอดเวลา ก็อาจมีอาการแบบปวดศีรษะซีกเดียวและชาใบหน้าได้ แต่อาการปวดชนิด นี้จะมีลักษณะเฉพาะ ปวดแปล๊บๆ เหมือนไฟดูด หรือถูกลวดเหล็กร้อนๆ อังไฟมานาบที่หน้า ในกรณีเช่นนี้จำเป็นต้องได้ยาจำเพาะจึงจะหายได้ ยาแก้ปวดธรรมดาจะไม่สามารถแก้อาการปวดชนิดนี้ได้เลย
๒. ผมไม่ทราบว่าคุณแม่เป็นโรคอะไร เพราะไม่ได้ให้รายละเอียดมา การจะสรุปว่าท่านเสียชีวิตด้วยเหตุปวดศีรษะนั้นอาจไม่ตรงกับความ เป็นจริง เพราะอาการปวดศีรษะนั้นมีสาเหตุต่างๆ มากมาย สาเหตุ ๒ อย่างที่ผมเล่ามา ไม่เป็นเหตุให้ถึง แก่ชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะคิดว่าแม่และลูกเป็นโรคเดียวกันก็อาจเป็นได้คือ โรคปวดศีรษะไมเกรน แต่โรคดังกล่าวไม่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต
ผมคิดว่าบางที่คุณแม่อาจเสีย ชีวิตด้วยเหตุอื่น เช่น โรคความดันเลือดสูง และมีเลือดออกในสมอง ซึ่งจะทำให้เสียชีวิตได้ และอาจมีปวดศีรษะรุนแรงร่วมกับอาเจียนและมีแขนขาอ่อนแรงหมดสติก่อนเสียชีวิต ในกรณีโรคปวดศีรษะอื่นๆ โดยปกติจะไม่มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ใครเป็นก็เป็นเรื่องของคนนั้น ไม่มีผลต่อลูกหลาน
อาจเป็นอาการคิดมาก และคิดว่าเป็นโรคเหมือนคุณแม่ และกังวลว่าจะถึงแก่กรรมเหมือนคุณแม่ก็อาจเป็นได้ ที่จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะดังกล่าว เป็นภาวะอุปาทาน ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเป็นเวลานานๆ เช่น โรคอัมพาต โรคมะเร็ง ทำให้ผู้ดูแลวิตกว่าตนเองจะเป็นโรคอย่างเดียวกัน
๓. โรคที่เป็นนี้ ผมคิดว่าจำเป็น ต้องให้แพทย์วินิจฉัยโรคให้แน่นอนก่อนว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ จึงจะให้การบำบัดรักษาโรคอย่างถูกต้องได้ การพยากรณ์โรคว่าจะหายหรือไม่หาย จำเป็นต้องแน่ใจในโรคนั้นก่อนเสมอ
ผมแนะนำว่าไม่ควรวิตกจนเกินเหตุ เพราะโรคปวดศีรษะนั้นเป็น สาเหตุที่ทำให้ประชาชนมาพบแพทย์บ่อยที่สุด และโดยมากเป็นเรื่องที่ไม่รุนแรงอันใด สามารถรักษาได้
- อ่าน 2,945 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้