• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คุยกับ ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ

คุยกับ ดร.แก้ว กังสดาลอำไพ : สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

  •  สารไดออกซินอันตรายอย่างไร  มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

สารไดออกซินนี้ มันไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็งที่ทำปฏิกิริยากับหน่วยพันธุกรรมโดยตรง มันไปทำให้กระบวนการของเซลล์มะเร็งที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติหรือในระยะพักตัวเจริญเติบโตหรือแสดงตัวออกมา เข้าใจว่ามันมีลักษณะไปกดภูมิต้านทานของร่างกาย มะเร็งที่เกิดขึ้นจึงเกิดขึ้นหลายๆส่วนของร่างกายพร้อมกันได้ ในทางพิษวิทยาถือว่าเป็นสารพิษที่ร้ายแรงที่สุดที่มนุษย์เคยทำขึ้นมา (the most toxic chemical ever made by men) ต่างประเทศเขาตื่นกลัวเรื่องนี้ มากเพราะเขารู้พิษภัยของมันว่าเป็น อย่างไร

ในโลกนี้มีห้องปฏิบัติการตรวจสารพิษไดออกซินไม่กี่แห่งเท่านั้น เช่น ที่สหรัฐฯ ที่ฝรั่งเศส ที่เนเธอร์แลนด์ และที่ญี่ปุ่น การตรวจหาสารไดออกซินต้องใช้ความสามารถและเครื่องไม้เครื่องมือที่สมบูรณ์ปลอดภัยมาก มิฉะนั้นคนตรวจจะได้รับพิษภัยของสารนี้เอง ค่าตรวจสารพิษนี้ตัวอย่างหนึ่งต้องใช้เงินถึง ๘-๙ หมื่นบาทต่อ ๑ ตัวอย่าง
ประเทศที่เขารักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนของเขาสูง บริเวณไหนมีโรงงาน เขาจะเก็บตัวอย่างไม่ว่าอากาศ น้ำ สัตว์ พืชผักบริเวณรอบๆเขตอุตสาหกรรมไปตรวจเป็นระยะ เมื่อมีอะไรผิดปกติเขาสามารถควบคุมได้ทันที อันที่จริงประเทศเราน่าจะเอางบประมาณที่ไป ใช้จ่ายในเรื่องไม่สำคัญมาทำเรื่องนี้ ให้ประเทศเราเป็นศูนย์กลางในการตรวจหาสารพิษ จะช่วยประเทศเราเองและเพื่อนบ้านได้มาก

  • ต่อกรณีเรื่องสารไดออกซินนี้  อาจารย์คิดว่าประชาชนหรือสังคมไทยควรระวังตัวอย่างไร

มีโรงงานอะไรที่ผลิตของประหลาดๆ และมันปล่อยสารอะไรออกมาไม่ว่าในน้ำ ในอากาศ หรือพื้นดิน ในชุมชนต้องช่วยกันดูแล และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รับทราบและให้สื่อมวลชนช่วยเสนอข่าวให้สาธารณรับรู้ ในต่างประเทศบางประเทศเขารู้ว่า โรงงานผลิตสารอันตรายอะไร เขามักจะให้ย้ายไปตั้งในประเทศอื่นๆ อย่างประเทศเรา เราดีใจหลงใหลได้ปลื้มกับการมาลงทุนของต่างประเทศ เรามีสำรวจหรือไม่ว่าที่มาทำอุตสาหกรรมบ้านเรามีสารพิษอะไรเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เรารู้บ้างหรือไม่ เมื่อตรวจไม่ได้ ก็ไม่ต้องตรวจ ก็นึกว่าสบายใจอย่างสารพิษไดออกซินนี้ มันเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตไม่ใช่นำเข้ามา ดังนั้นคนของเราต้องรู้ลึกรู้จริง ไม่ใช่มองแต่ผิวเผินว่าโรงงานนั้น โรงงานนี้ไม่ได้นำสารพิษเข้ามาในประเทศก็ถือว่าใช้ได้

ต่างประเทศที่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสารพิษอย่างดี เขายังเจอปัญหาเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่บ่อยๆ เอกสารการสำรวจเรื่องผลกระทบต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทำๆขึ้นมา ผู้ใหญ่ของเราอ่านรู้เรื่องหรือไม่ หรือฟังแต่รายงานข้างล่างเขารายงานขึ้นมา กรรมการดูแลเรื่องนี้ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับสารพิษหรือวัตถุมีพิษอย่างดี อย่างกรณีที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่มีกลิ่นเหม็นของโรงงานออกมา เรามีนักพิษวิทยาเข้าไปทำงานสำรวจเรื่องนี้จริงๆหรือไม่ ผมว่าอนาคตน่ากลัวมาก สุขภาพของคนไทย ทั้งมลพิษทางอากาศ น้ำ อาหาร บนดิน เราไม่มีงบประมาณในด้านคุณภาพสุขภาพชีวิตของคน แต่ไปลงทุนก่อสร้างเสียมากมาย

  • เราบอกว่าอาหารของเรามีสารพิษปนเปื้อน แต่เรากินเข้าไปทำไมถึงไม่เป็นอะไร

เราต้องรู้ว่า ร่างกายคนเราพยายามต่อสู้เพื่อการอยู่รอด สารพิษเมื่อเข้าไปในร่างกายเราปริมาณเล็กๆน้อยๆ มันจะเข้าไปกระตุ้นเอนไซม์ในตับให้เพิ่มปริมาณมากขึ้น เพื่อกำจัดสารพิษนั้น เมื่อสารพิษถูกกำจัดแล้ว เอนไซม์ก็จะลดลงปกติ ปกติเอนไซม์ของเราจะขึ้นแล้วก็ลง ขึ้นแล้วก็ลงตลอดเวลา ตามปริมาณสารพิษที่เข้าไปกระตุ้น  แต่ถ้ามากจนกระตุ้นแล้วก็ทำลายไม่หมด คราวนี้ก็จะเกิดปัญหากับสุขภาพ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ตับยังแข็งแรงอยู่ก็ยังอยู่ได้ พวกดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ควรระวังเพราะเหล้าไปทำลายตับ บุหรี่ไปทำลายปอดทำให้ร่างกายสูญเสียอวัยวะที่จะกำจัดสารพิษ 

สารพิษทุกอย่างจะเป็นอย่างนี้ ในถั่วลิสงมีอะฟลาท็อกซิน ซึ่งเป็นอันตราย แต่ปริมาณต่ำๆจะกระตุ้นเอนไซม์ทำลายอะฟลาท็อกซิลด้วยกัน เรารู้ว่าของปิ้งๆ ย่างๆ มีสารก่อมะเร็ง ถ้าเรากินไม่มาก ก็จะกระตุ้นเอนไซม์ทำลายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นปริมาณน้อยจึงไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีสารพิษจำนวนน้อยแต่ถ้าเรามีสารพิษเข้าไปบ่อยๆ ร่างกายเราก็ทำงานหนักและทนไม่ไหวในวันหนึ่ง นับวันสารพิษที่เกิดขึ้นจะรุนแรงขึ้นและจะเป็นปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นกับเบลเยียม เศรษฐกิจวุ่นวายไปหมด ถ้าเรายังละเลย

  • ในฐานะประชาชนทั่วๆไปในขณะนี้ต้องเผชิญกับอาหารปนเปื้อนสารพิษสารพัดที่เราไม่รู้จัก เราควรจะดูแลตััวเองอย่างไร

คงต้องเลือกกินอาหารให้เป็น อย่ากินอาหารซ้ำๆ กินให้หลากหลาย เลือกกินผักปลอดสารพิษ ถ้าปลูกกินเองได้ก็ปลูก ในตัวผักเองมีความสามารถในการทำลายสารพิษอยู่แล้ว ต้องพยายามทำตัวเองให้แข็งแรง การดื่มเหล้าสูบบุหรี่เป็นตัวเสริมทำให้เป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้น กินอาหารให้มีผัก ผลไม้ ให้มีถั่ว ถั่วมีสารบางอย่างกระตุ้นให้เพิ่มภูมิต้านทานทำให้ร่างกายแข็งแรง ในถั่วมีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า เลกติน (lectin) เป็นสารที่กินเข้าไปไม่ดีทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีการศึกษาพบว่าถ้ามีบางส่วนถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มปริมาณได้ สมุนไพรบางตัวน่าจะมีตัวนี้ กินเข้าไปดูดซึมเข้าไปแล้วไปกระตุ้นภูมิต้านทานแบ่งตัวได้มากขึ้น อันนี้ยังเป็นสมมติฐานอยู่