• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูก

ปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูก

  " ขณะนี้ลูกชายอายุ 8 ขวบ อยู่ ป.3 เทอมหน้าจะขึ้นป.4 ครูประจำชั้นของลูกฟ้องมาว่าลูกไม่ค่อยตั้งใจเรียนจะชอบเล่นและชอบชวนเพื่อนเล่นในห้อง ครูจึงทำโทษโดยการแยกให้แกไปนั่งคนเดียว แกก็สงบเสงี่ยมดีพอกลับมานั่งที่เดิมก็เป็นอีก

ในตอนเย็นดิฉันจะจ้างให้ครูประจำชั้นสอนพิเศษให้ลูกด้วย ครูก็จะสอนให้แกทำการบ้านในแต่ละวัน และแกจะเสร็จช้าที่สุด พอครูมานั่งคุมแกก็จะชวนครูคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้เสมอ พอถึงเวลาดิฉันไปรับ แกก็จะทำการบ้านไม่เสร็จ ต้องมาทำต่อที่บ้านเสมอ ผลการสอบออกมาแกจะอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางอ่อน ไม่ทราบว่าดิฉันจะแก้ปัญหาเรื่องลูกอย่างไรดี เพราะอนาคตแกต้องแข่งขันกับเด็กอื่น ซึ่งดิฉันเป็นห่วงว่าจะสู้เขาไม่ได้ "

                                                                                                                      ปทุม/สงขลา

 

                                            *****************************************                                                                                                                                                                           

ปกติแล้วความพร้อมของเด็กชายมักจะช้ากว่าเด็กหญิงเสมอ ดังนั้นในระยะแรกๆของการเรียนในชั้นอนุบาลและประถม พ่อแม่มักจะมีความไม่สบายใจ เนื่องจากลูกชายไม่สนใจเรียน มีสมาธิในการเรียนต่ำ และประสบกับปัญหาในการเรียนรู้วิชาต่างๆ แต่มีบางรายก็ถูกครูฟ้องเช่นเดียวกับคุณปทุมว่า ลูกไม่ค่อยตั้งใจเรียน ชอบเล่น และชอบชวนเพื่อนในห้องเล่น ความจริงเป็นพฤติกรรมปกติของเด็ก เป็นหน้าที่ของคุณครูประจำชั้นที่จะต้องพยายามให้ความสนใจและเชิญชวนเด็กให้สนใจเรียนด้วยวิธีการต่างๆ 

ประวัติลูกคุณปทุมที่เล่ามาก็ดูเป็นอาการปกติของเด็กอายุขนาดนี้โดยเฉพาะเด็กที่อายุ 8 ขวบ ย่อมสนใจที่จะเล่นมากกว่าเรียนอยู่แล้ว รวมทั้งลูกคุณปทุมมีอายุค่อนข้างน้อยเพราะอายุเพียง 8 ขวบ ก็เรียนอยู่ประถม 3 และกำลังจะขึ้นประถม 4 ในปีหน้า ซึ่งถือว่าเร็วกว่าอายุประมาณ 1 ปีไม่อยากให้คุณปทุมไม่สบายใจในเรื่องนี้มากเกินไป เพราะคุณเองก็ได้ช่วยลูกด้วยการจ้างครูประจำชั้นสอนพิเศษ รวมทั้งให้เด็กได้ทำการบ้านในแต่ละวัน

ถึงแม้ว่าลูกคุณปทุมจะเสร็จช้าหรือทำการบ้านไม่เสร็จก็ไม่ใช่สิ่งเสียหาย เพราะการที่ลูกทำการบ้านไม่เสร็จไม่ใช่ว่าลูกไม่มีความสามารถหรือลูกมีความสามารถต่ำกว่าเด็กอื่น แต่เด็กทุกคนมีความสามารถไม่เท่าเทียมกัน เมื่อลูกเราไม่เสร็จกลับถึงบ้านคุณปทุมก็จะได้มีโอกาสนั่งลงข้างๆลูก พูดคุยกับลูกเปิดบทเรียนที่ลูกทำค้างอยู่ สอนลูก

เรื่องนี้นับเป็นสิ่งที่ดีคือเป็นการพัฒนาความรู้สึกที่ดีระหว่างแม่และลูก สร้างความเป็นมิตรและสร้างการมีไมตรีจิตซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้เด็กเติบโตด้วยความอบอุ่น มีความไว้วางใจคุณพ่อคุณแม่ มีความกล้าที่จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง เด็กจะไม่เป็นเด็กที่มีความลับ เก็บกด หรือมีความเครียด และไม่กล้าที่จะเล่าให้ใครฟัง รวมทั้งที่คุณปทุมเล่าให้ฟังว่า เมื่อคุณครูมานั่งคุม เด็กก็จะชวนคุณครูคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้เสมอ แสดงว่าลูกของคุณปทุมเข้ากับคนอื่นได้ดีและยังไร้เดียงสามากซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ดีตั้งแต่วัยเด็กซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการปรับตัวต่อไปในอนาคต

ความสำเร็จในชีวิตไม่ได้อยู่ที่การเรียนดีเพียงอย่างเดียว ป้าหมอเองได้พบกับนักเรียนห้องคิง นักเรียนชั้นหัวกะทิ และนักเรียนที่พ่อแม่ตั้งอกตั้งใจเคี่ยวเข็ญปั้นเติมและแต่งเพื่อให้มีความรู้ดีแต่ไม่ประสบความสำเร็จทางชีวิตจำนวนมาก เหมือนอย่างกรณีน้องปุกสาวน้อยที่กำลังรักษาอยู่กับป้าหมอ

น้องปุกเป็นลูกสาวคนโตที่คุณพ่อคุณแม่เล่าอย่างภูมิใจว่าไม่เคยสร้างปัญหาเลยตั้งแต่เด็ก ไปโรงเรียนก็รับผิดชอบตัวเองจัดกระเป๋าหนังสือได้ แต่งตัวเองได้ อยู่ที่โรงเรียนก็นั่งแถวหน้าตั้งใจฟังคุณครูสอนเก็บบทเรียนกลับบ้านเหมือนทุกวันไม่เคยต้องเรียนพิเศษ ขอร้องให้คุณพ่อคุณแม่ซื้อหนังสือหนังหามาทำแบบฝึกหัดเพิ่ม เรียนอยู่ห้องคิงตลอด ที่ไหนแข่งขันตอบคำถามน้องปุกเข้าตอบได้แชมป์ทุกครั้ง

น้องปุกเรียนจบมัธยมต้นด้วยคะแนนยอดเยี่ยมและได้เรียนต่อในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งมีคู่แข่งมากมาย ที่นี่น้องปุกเป็นเด็กห้องคิง เรียนอยู่ในระดับแนวหน้า

เมื่ออยู่ชั้นม.4 น้องปุกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้คณะบัญชีซึ่งเป็นคณะที่คะแนนสูง แต่น้องปุกก็ไม่อยากเรียนและต้องการสอบใหม่ ซึ่งพ่อแม่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ตอน ม.5 น้องปุกสอบได้หมอ แต่เมื่อไปเรียนได้เพียง 2-3 อาทิตย์ น้องปุกก็บอกกับพ่อแม่ว่าไม่เรียนอีกแล้ว ไม่ชอบเพื่อนที่คณะ ทุกคนแข่งกันมากเกินไปจนน้องปุกปวดหัวเวียนหัวและเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดแปลกไป ไม่แน่ใจว่าตัวเองคือน้องปุกหรือเปล่า

ปีนั้นน้องปุกไม่เรียนทั้งปี เดินไปเดินมาไม่มีจุดหมาย และสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกปีหนึ่งซึ่งควรจะเป็นระดับม.6 คราวนี้น้องปุกก็สอบได้อีก เป็นคณะที่คะแนนสูงสุดคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัย พ่อแม่ก็คิดว่าคราวนี้คงหมดปัญหา เพราะลูกได้มีโอกาสเลือกสอบตั้ง 3 ครั้งแล้ว แต่ผิดคาดน้องปุกไปเรียนได้เพียงไม่ถึงเดือนน้องปุกก็บอกว่าไม่ต้องการเรียนอีก รู้สึกเบื่อหน่ายเพื่อนฝูง รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเอง หลังจากนั้นก็เริ่มป่วยมากจนคุณพ่อคุณแม่ต้องจูงมาพบป้าหมอ

น้องปุกมีความสับสนเกี่ยวกับเรื่องตัวเอง น้องปุกไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องเป็นเด็กที่ดีและตั้งใจเรียนอย่างนั้น น้องปุกบอกว่าเครียดตลอดเวลาแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะพ่อแม่มีความพอใจและภูมิใจต่อการเรียนของน้องปุกมาก พี่น้องทั้งหมดในบ้านน้องปุกเป็นเด็กดีที่สุดแต่น้องปุกรู้สึกว่าตัวเองว้าเหว่ เหงา และขาดความรัก บางครั้งน้องปุกอยากจะให้คุณพ่อคุณแม่พาไปที่ห้างสรรพสินค้าและซื้อตุ๊กตาตัวนุ่มๆมาทั้งร้าน เอาไว้ในห้องน้องปุกให้เต็มไปหมด และน้องปุกก็อยากจะนอนกอดตุ๊กตาเหมือนเด็กเล็กๆ

ตอนนี้น้องปุกก็ยังเป็นคนไข้ของป้าหมอและกำลังได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเธอจะดีขึ้นบางส่วน แต่การรักษาที่เนิ่นนานและไม่มีกำหนดของเธอนั้น ป้าหมอได้บอกให้คุณพ่อคุณแม่ทราบแล้ว

คุณปทุมคะ ความสำเร็จในชีวิตมีได้หลายอย่าง ขณะนี้ลูกคุณปทุมอาจจะมีผลการสอบอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางอ่อนอย่าเพิ่งกังวลนะคะ ดูแลลูกไปเรื่อยๆ ติวลูกบ้าง เวลาลูกใกล้สอบอย่าเครียดหรืออย่าตั้งใจมากเกินไป เพราะจะทำให้เด็กมีความรู้สึกกดดัน ป้าหมอรู้ดีว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูก อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีและแข่งขันกับคนอื่นได้ แต่การแข่งขันนั้นมีหลายทาง การศึกษาเป็นการแข่งขันทางหนึ่ง และการศึกษาที่จะแข่งขันกันก็ยังมีหลายๆวิชาให้เลือก ลูกเราอาจจะไม่เก่งเลขแต่อาจจะเก่งอย่างอื่น

ชีวิตของคนเราไม่มีสูตรสำเร็จว่าเป็นอะไรถึงจะดีกว่า เป็นอะไรถึงจะประสบความสำเร็จ แต่ที่แน่ๆคือความสุขหาได้ง่ายถ้าเรารู้จักหา ความพอใจหาได้อยู่รอบๆตัวเรา ถ้าเราไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับความสามารถของเราหรือต้องฝืนใจทำในสิ่งที่เราไม่พร้อม ความรักที่คุณปทุมมีต่อลูกป้าหมอคิดว่าจะสามารถปกป้องลูกให้ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้ลูกของคุณพ่อคุณแม่คู่อื่นๆ และสิ่งสุดท้ายที่ป้าหมอมักจะบอกกับคุณพ่อที่จูง อุ้ม หรือพาลูกมาพบป้าหมอว่า ป้าหมออยากให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคู่เลี้ยงลูก โดยตั้งความหวังดังนี้
1. ขอให้ลูกไม่ป่วยและมีสุขภาพจิตที่ดี
2. ขอให้ลูกเป็นคนดีไม่เป็นภาระของสังคม
3. ขอให้ลูกมีวิชาชีพที่ดูแลตัวเองได้

คำแนะนำ 3 ข้อนี้ คุณปทุมจะนำไปใช้ป้าหมอก็คิดว่าจะมีประโยชน์มากค่ะ

 

                                       ******************************************