• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ตับอักเสบจากไวรัสบี

คนที่เป็นตับอักเสบจากไวรัสบีควรปฏิบัติตัวอย่างไร ทั้งการดูแลสุขภาพตนเองและการป้องกันไม่ให้คนอื่นได้รับเชื้อจากเรา
ผู้ถาม ปวีณา/กรุงเทพฯ
ผู้ตอบ นพ.ทวีศักดิ์ แทนวันดี 

ถาม ดิฉันอายุ ๒๘ ปี ยังไม่มีครอบครัว ได้ไปตรวจเลือดกับหมอที่โรงพยาบาลของรัฐฯ แห่งหนึ่ง หมอบอกว่าเป็นตับอักเสบจากไวรัสบี บางครั้งจะมีอาการเจ็บตับ คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย ไปหาหมอ คุณหมอแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน กินวิตามินบีรวม
 
ดิฉันขอเรียนถามดังนี้ค่ะ
๑. ทำไมคุณหมอถึงแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน และกินวิตามินบีรวม และควรกินปริมาณเท่าไรใน ๑ วัน จำเป็นต้องกินทุกวันหรือไม่
๒. ถ้าหากมีอาการเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บตับ ควรปฏิบัติอย่างไร
๓. เกี่ยวกับการตรวจควรตรวจอย่างไร มีคนบอกว่าต้องไปตรวจการทำงานของตับด้วย จำเป็นต้องตรวจทุกระยะหรือไม่
๔. คนที่เป็นตับอักเสบจากไวรัสบีควรปฏิบัติตัวอย่างไรคะ ทั้งการดูแลสุขภาพตนเอง และการป้องกันไม่ให้คนอื่นได้รับเชื้อจากเรา 

ตอบ ปัญหาที่คุณถามมา คุณได้เล่าว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบี โดยปกติผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีมักไม่มีอาการ ในบางรายที่มีอาการตับอักเสบเรื้อรังอาจจะมีอาการบ้างเล็กน้อย สำหรับการแยกระหว่าง ผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบเรื้อรังกับผู้ป่วย ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี ทำได้โดยการตรวจเลือดหาระดับเอนไซม์ตับเป็นระยะๆ

คำถามที่ถามมาผมขอตอบเป็น ข้อๆ ดังต่อไปนี้
๑. การดื่มน้ำหวานปริมาณมากๆ ไม่ได้ช่วยให้ตับดีขึ้น กลับอาจทำให้น้ำตาลที่ได้ไปจำนวนมากเปลี่ยนเป็นไขมันไปสะสมที่ตับ มีตับโตหรือเกิดอาการเจ็บตับได้ จึงควรกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้ครบทุกหมู่ตามปกติ ในการกินวิตามินบีรวม ประโยชน์ไม่ทราบชัดเจน แต่ไม่มีอันตราย จึงสามารถกินต่อไปได้ แต่ยานี้อาจทำให้มีปัสสาวะสีเหลือง ซึ่งไม่ได้ผิดปกติ
๒. หากมีอาการอ่อนเพลีย, คลื่นไส้, เจ็บตับ คุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่ามีการกำเริบของตับอักเสบหรือไม่ หากมีการกำเริบอยู่บ่อยๆ อาจจำเป็นต้องพิจารณาให้ยารักษาด้วยยาเฉพาะ
๓. การตรวจตับสามารถทำได้ง่าย โดยการตรวจเลือดดูเอนไซม์ตับ ซึ่งตรวจได้ในโรงพยาบาลทุกแห่ง หากผลเอนไซม์ตับผิดปกติ ในบางครั้งอาจจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์, การเจาะเนื้อตับไปพิสูจน์ คุณควรไปพบแพทย์เป็นระยะๆ อาจจะทุกๆ ๑-๒ เดือน แล้วแต่แพทย์จะแนะนำ ในกรณีที่คุณมีตับอักเสบ หากคุณเป็นเพียงแต่พาหะของไวรัสบี การไปพบแพทย์อาจทำเพียง ๓-๖ เดือนต่อครั้ง หรือเมื่อมีอาการ
๔. ผู้ป่วยที่เป็นตับอักเสบจากไวรัสบี สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ การออกกำลังกายสามารถทำได้ตามปกติ ไม่ควรอดนอนหรือดื่มสุรา เพราะจะทำให้อาการกำเริบ ไม่ควรใช้ยาพร่ำเพรื่อ เพราะอาจทำให้ตับมีอาการทรุดลง ไปพบแพทย์เป็นระยะๆ ดังกล่าวข้างต้น คุณสามารถแต่งงานและมีบุตรได้ตามปกติ ในปัจจุบันมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาก สามารถป้องกันทารกไม่ให้ติดเชื้อ หากพบว่าคุณเป็นตับอักเสบเรื้อรัง การทำงานของตับผิดปกติตลอด ควรพบแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญโรคตับ เพื่อประเมินและพิจารณาให้การรักษา ซึ่งในปัจจุบันมียาฉีดรักษาใช้ระยะเวลาประมาณ ๔ เดือน โอกาสได้ผลประมาณ ร้อยละ ๕๐