• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไวรัสตับอักเสบบี

ตับอักเสบจากไวรัสบีต้องดื่มน้ำหวานและกินวิตามินบีรวมมีจุดประสงค์เพื่ออะไร และต้องกินทุกวันหรือไม่ และควรปฏิบัติตัวอย่างไร
ผู้ถาม ปวีณา/นนทบุรี
ผู้ตอบ น.พ.ไพโรจน์ เหลืองโรจนกุล

ถาม เพื่อนของดิฉันไปตรวจเลือด พบว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัสบี บางครั้งบ่นเจ็บตับ คลื่นไส้ เพลีย เคยไปหาหมอ หมอแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน กินวิตามินบีรวม อยากทราบว่าการที่หมอแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน และกินวิตามินบีรวมมีจุดประสงค์อย่างไร และควรกินปริมาณเท่าไรใน ๑ วัน จำเป็นต้องกินทุกวันหรือไม่ แล้วถ้าหากมีอาการเจ็บตับ คลื่นไส้ เพลีย ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

ตอบ ผู้ป่วยด้วยโรคตับอักเสบจากไวรัสเฉียบพลันทั้งจากไวรัสบี หรือไวรัสเอ หรือไวรัสตับอักเสบตัวอื่นๆ ในระยะแรกจะมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ทำให้กินอาหารได้น้อย แพทย์ทั่วไปจึงแนะนำให้ดื่มน้ำหวาน เนื่องจากอาหารประเภทนี้เป็นคาร์โบไฮเดรตซึ่งไม่คาว ผู้ป่วยจะดื่มได้โดยไม่รู้สุกคลื่นไส้ และยังให้พลังงานได้พอควร ความจริงแล้วผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้เหมือนปกติถ้าไม่คลื่นไส้มาก แต่อาหารที่กินไม่ควรมีกลิ่นคาว หรือมีไขมันสูง ย่อยยาก เนื่องจากระยะที่มีดีซ่านอยู่ ตับจะหลั่งน้ำดีมาย่อยอาหารไขมันลดลง ทำให้เกิดภาวะท้องอืดเฟ้อง่าย การดื่มน้ำหวานไม่ได้ช่วยให้โรคตับอักเสบหายเร็วขึ้น และถ้าดื่มในปริมาณมากๆ เป็นเวลานานๆ ติดต่อกันเป็นเดือน ก็จะเกิดไขมันชนิดไตรกรีเซอไรด์สูงในเลือด และไปสะสมที่ตับเกิดภาวะตับมีไขมันมาก สำหรับวิตามินบีรวมนั้น แพทย์มักสั่งให้กิน เพราะในสภาพเจ็บป่วยและกินไม่ได้ หรือกินได้น้อย ผู้ป่วยมักขาดวิตามินบีก่อน เนื่องจากวิตามินกลุ่มนี้มีการเปลี่ยนแปลงระดับในเลือดเร็วเพราะการขับถ่ายออกจากร่างกายง่ายและเร็วกว่าวิตามินกลุ่มอื่น การจะกินวิตามินบีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินบีรวมที่มีในเม็ดยา และผู้ป่วยกินอาหารได้ดีเพียงใด

อาการเจ็บตับเกิดขึ้นเนื่องจากระยะตับอักเสบ เนื้อตับจะบวมโตขึ้นเต็มชิดเยื่อบุผิวตับ อาการนี้มักหายไปเองภายใน ๔ สัปดาห์เมื่อออตับอักเสบดีขึ้น การปฏิบัติตนในช่วงคลื่นไส้ อาเจียน เพลีย แนะนำให้นอนพักให้เพียงพอ งดการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนักๆ ตลอดจนงดดื่มสุราระยะที่มีดีซ่าน และภายใน ๑ เดือน หรือหายดีซ่านแล้ว ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก กินไม่ได้เลย ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาให้น้ำเกลือหรือสารอาหารทางหลอดเลือดดำ