• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กลัวติดเชื้อโรคเอดส์

กลัวติดเชื้อโรคเอดส์


ผู้ถาม จินตนา/ราชบุรี

ถ้าเราสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะสุดท้ายที่มีแผลพุพองหรือสัมผัสน้ำลายของผู้ป่วย หรือถ้าเขาสูบบุหรี่แล้วเราสูดควันเข้าไป เราจะติดเชื้อเอดส์จากเขาไหม

ดิฉันมีปัญหาจะขอเรียนปรึกษาคุณหมอ ดังนี้

๑. ถ้าเราสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะสุดท้ายที่มีแผลพุพอง ไม่ใช่แผลแห้ง หรือสัมผัสเลือดผู้ป่วยโดยตรง แต่ตัวเราไม่มีบาดแผลใดๆ เราจะมีโอกาสติดโรคได้มากน้อยเพียงใด และเลือดผู้ป่วยสามารถซึมเข้าในผิวหนังของเราได้หรือไม่

๒. ผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะสุดท้าย เขาสูบบุหรี่ทุกวัน และเราก็ได้สูดควันเข้าไปบ่อยครั้งโดยที่เราไม่ทันระวังหรือบางครั้งอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะทำให้เราได้รับอันตรายเกี่ยวกับโรคเอดส์หรือติดโรคได้หรือไม่

๓. เนื่องจากดิฉันได้เห็นผู้ป่วยโรคเอดส์ชัก และญาติได้เข้าไปช่วย และได้โดนน้ำลายของผู้ป่วย เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลก็ได้ให้ญาติล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ แสดงว่าน้ำลายผู้ป่วยก็มีเชื้อทำให้ติดโรคได้ด้วยใช่ไหม ถ้าหากว่าเรากินอาหารร่วมกับผู้ป่วยโดยไม่ได้ใช้ช้อนกลาง โอกาสติดก็มีมากใช่ไหม


ผู้ตอบ น.พ.ประพันธ์ ภานุภาค

๑. โอกาสที่เชื้อเอดส์ในเลือดของผู้ป่วยจะเข้าไปสู่คนทางผิวหนัง ซึ่งไม่มีบาดแผลหรือรอยถลอกใดๆ มีน้อยมากๆ ครับ คงจะน้อยกว่า ๑ ในหมื่น หรือ ๑ ในแสน แต่อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำทางการแพทย์ในปัจจุบันแนะนำว่าไม่ควรจะใช้มือเปล่าในการสัมผัสกับเลือดของใครก็ตามไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีเลือดเอดส์บวกหรือไม่ก็ตาม ตามหลักการที่เรียกว่า การป้องกันแบบครอบจักรวาล (Universal precaution) ซึ่งก็เป็นการปฏิบัติการตามหลักสุขอนามัยที่ดี เพราะในเลือดอาจมีเชื้ออะไรก็ได้ และอาจจะล้างไม่สะอาด หรือป้ายถูกปากถูกตาเชื้อโรคต่างๆ อาจผ่านเยื่อบุเข้าสู่ร่างกายได้ ซึ่งเข้าได้ง่ายกว่าเข้าทางผิวหนัง ในทางกลับกัน แพทย์ก็จะแนะนำคนไข้ทุกโรคที่มีแผลพุพองว่า ไม่ควรไปบีบหนองหรือน้ำเหลืองป้ายเลอะเทอะ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนอื่นได้ หรือไม่ควรให้คนอื่นมาสัมผัสถูกแผลพุพองของตนโดยไม่ได้ใส่ถุงมือ กล่าวคือ ต้องช่วยๆ กันทั้งคนไข้และคนใกล้ชิด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นเอดส์หรือไม่ก็ตาม

๒. การสูดควันบุหรี่ที่คนไข้เอดส์สูบไม่ติดเอดส์แน่นอน แต่อาจทำให้เกิดถุงลมโป่งพองได้ถ้าสูดนานๆ และที่สำคัญคนที่ติดเอดส์ ถ้ามีวัณโรคปอดอยู่ด้วย และยังสูบบุหรี่จัดอาจเกิดอาการไอมาก ก็อาจแพร่เชื้อวัณโรคให้ผู้ใกล้ชิดได้

๓. โดยปกติน้ำลายผู้ป่วยเอดส์จะไม่ทำให้คนอื่นที่สัมผัสน้ำลายติดเอดส์ได้ แต่การที่พยาบาลบอกให้ญาติที่สัมผัสน้ำลายผู้ป่วยเอดส์ล้างมือก็ถูกต้องแล้วตามหลักสุขอนามัยทั่วไป จริงๆแล้วล้างมือด้วยสบู่ก็พอ ไม่จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ดีไม่ดีมือจะเน่าจากการแพ้น้ำยาฆ่าเชื้อแรงๆ ตัวอย่างที่คุณจินตนาเล่าก็คล้ายกับสมัยหนึ่งที่บางโรงพยาบาลต้องเอาอาหารที่จะให้ผู้ป่วยเอดส์กินใส่กล่องโฟม และใช้ช้อนอะลูมิเนียม พอกินเสร็จก็ทิ้งหมดเลย ญาติคนไข้ก็งงใหญ่ถามว่า “ไหนคุณหมอบอกว่าน้ำลายไม่ติดเอดส์ แล้วทำไมต้องทิ้งภาชนะที่คนไข้กินอาหารล่ะ” สมัยนี้เขาเลิกทำแบบนี้กันแล้วครับ เพราะรู้แน่ว่าน้ำลายไม่ติดเอดส์ ส่วนจะใช้ช้อนกลางหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าวัฒนธรรมไทยหรือจีน หรือจะตีหน้าให้สนิทกับผู้ร่วมวงกินอาหารมากน้องเพียงใดในสังคมไทย