ผลข้างเคียงของยา Cardura

กัญชลา/นครสวรรค์ : ผู้ถาม

ปัจจุบันนี้คุณพ่อดิฉันอายุ ๗๖ ปีค่ะ สูง ๑๗๕ เซนติเมตร น้ำหนัก ๘๘ กิโลกรัม คุณพ่อมีปัญหาเรื่องปวดแขน ปวดขาและ มีอาการชาด้วย รวมทั้งปลายมือ ปลายเท้า ที่ข้อนิ้วมือเหมือนกระดูก โปนงอกมาหลายนิ้ว และหัวใจโตด้วย (สมัยก่อนสูบบุหรี่จัดค่ะ) มีความดันเลือดสูง แต่ไม่มีเบาหวานค่ะ
ช่วงหลังคุณพ่อมีปัญหาเรื่อง ปัสสาวะไม่ค่อยออก คุณหมอบอกว่าต่อมลูกหมากโตด้วย คุณพ่อไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ตามนัดทุก ๓ เดือน คุณหมอที่รักษาจ่ายยาให้ หลายตัวมากค่ะ รวมทั้ง Voltaren และ Cardura ด้วย ยาตัวแรกจะกินทุกวัน วันละ ๓ ครั้ง ถ้าไม่มีอาการปวดก็อาจจะลดลงเหลือเช้า-เย็น
ส่วน Cardura คุณหมอบอก ว่าให้กินวันเว้น ๒ วัน แต่คุณพ่อกินทุกวันค่ะ ไม่เช่นนั้นจะปัสสาวะไม่ออก (คุณพ่อไม่บอกคุณหมอด้วยว่ากินยาเกิน)
ดิฉันพยายามพูดอย่างไร คุณพ่อก็ไม่ฟังค่ะว่ายามีอันตราย ดิฉันไม่สามารถบอกคุณพ่อได้ ว่ายาทั้ง ๒ ชนิดนี้มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง และที่ถูกแล้วคุณพ่อควรจะกินวันละเท่าไรกันแน่
รบกวนขอคำแนะนำถึงผลดีและผลเสียด้วยค่ะ ดิฉันจะนำไปให้คุณพ่ออ่านค่ะ
 

นพ.กฤษฎา รัตนโอฬาร : ผู้ตอบ

ในฐานะของศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ ผมขอตอบเฉพาะคำถามเกี่ยวกับยา Cardura เท่านั้น

ยา Cardura เป็นยาที่ใช้กัน อย่างแพร่หลายชนิดหนึ่งสำหรับรักษาอาการปัสสาวะผิดปกติจากต่อมลูกหมากโต (เนื้องอกต่อมลูกหมากชนิดไม่ร้ายแรง) ยาชนิด นี้มีผลข้างเคียงเล็กน้อยในคนไข้ บางรายอาจมีผลข้างเคียงจากยาได้บ้าง เช่น มีอาการมึนงง ปวด ศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงเหงาหาวนอน ความดันเลือดต่ำ และคลื่นไส้ได้ ดังนั้น การใช้ยาจึงค่อยๆ ปรับขนาดยาทุก ๒ สัปดาห์ จาก ๑ มิลลิกรัม เป็น ๒ มิลลิกรัม และเป็น ๔ มิลลิกรัมในที่สุด โดยคงไว้ที่ขนาด ๔ มิลลิกรัม ในคนไทยทั่วไป และให้กินก่อนนอนทุกคืน เหตุผลที่ควรกินตอนก่อนนอนคือ เพื่อจะลดอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากยาได้ ฉะนั้นการที่คุณพ่อของคุณกินยา Cardura ทุกวัน จึงถูกต้องตามคำแนะนำการใช้ยา อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คนไข้มีโรคความดันเลือดสูงอยู่แล้ว และต้องกินยาลดความดันเลือดสูง ควรจะแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบด้วยว่ากำลังกินยา Cardura อยู่เพื่อที่จะไม่กระทบกับความดันเลือดมากเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายได้ในกรณีนี้ แพทย์อาจต้องพิจารณาเรื่องการใช้ยาลดความดันเลือด หรือเปลี่ยน ยา Cardura เป็นยารักษาต่อมลูกหมากชนิดอื่น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความดันเลือดน้อยกว่าก็ได้