• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ตรวจเลือดพบแอนติบอดี

 ตรวจเลือดพบแอนติบอดี

การที่เราไปตรวจเลือดแล้วพบว่ามีแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไม่ทราบว่าจะมีภูมิคุ้มกันตลอดไปหรือไม่ เพราะตอนตรวจครั้งแรกพบ แต่พอตรวจอีกกลับไม่พบ

 

                                                                                                             วิภา/กรุงเทพฯ

 

                                                  *************************           

ผู้ตอบ น.พ.อมร ลีลารัศมี

ถ้าวิธีการตรวจหาแอนติบอดีได้มาตรฐานและวัดได้ไม่ผิดพลาดก็แสดงว่าระดับแอนติบอดีในเลือดของคุณลดลงไปมากจนถึงระดับที่วัดไม่ได้ เนื่องจากผมไม่ทราบรายละเอียดจากคุณว่า คุณเคยฉีดวัคซีนมาก่อนหรือไม่ ถ้าเคยฉีด ได้ฉีดเมื่อไรและฉีดครบ 3 หรือ 4 เข็มตามกำหนดหรือไม่ หรือว่า แอนติบอดีของคุณเกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ และตัวคุณวิภามีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำหรือไม่ด้วย

โดยทั่วไป ถ้าวัดแอนติบอดีในเลือดได้สูงเกิน 10 mIU ต่อ มล. ก็จะสูงเพียงพอในการป้องกันโรค ถ้าระดับแอนติบอดีสูงกว่านี้ก็ยิ่งดี สำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนมาครบตามกำหนดหรือเคยติดเชื้อตามธรรมชาติแล้ว ต่อมามีระดับแอนติบอดีต่ำกว่า 10 mIU ต่อ มล. ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ แต่ส่วนมากจะไม่มีอาการหรือมีน้อยมาก ก็เท่ากับว่ายังป้องกันการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อได้อยู่นั่นเอง และการติดเชื้อจะเป็นการกระตุ้นร่างกายให้สร้างแอนติบอดีเพิ่มขึ้นมาใหม่ สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติมาก่อน แต่ถ้าคุณฉีดวัคซีนไม่ครบ เช่น ฉีดมาเพียง 2 เข็ม และแอนติบอดีเริ่มหายไป ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าจะป้องกันได้ดีหรือยัง ในกรณีนี้ อาจจะต้องไปฉีดอีกเข็มให้ครบตามกำหนด ถ้ามีโรคประจำตัวที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจจะต้องฉีดอีกหนึ่งเข็มครับ

ดังนั้นในกรณีของคุณวิภา ก็มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง กล่าวคือ

1. ไม่ต้องไปฉีดวัคซีนซ้ำ เพราะถ้าได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเข้าไป ก็จะมีการสร้างแอนติบอดีได้เอง
2. ไปฉีดวัคซีนอีกเข็มให้ครบตามกำหนด (ถ้าฉีดมาไม่ครบตามกำหนด)
 

 

                                                        ********************************