สมปอง /นครราชสีมา : ผู้ถาม
ดิฉันสังเกตว่าน้องของดิฉันเวลาตากแดด ตากลม จะมีอาการตาแดง และบางทีก็จะมีเยื่อสีขาวติดอยู่กับตา
อาการที่เป็นทุกครั้งคือ ตาจะแดงถ้าถูกแดด ถูกลมมากๆ น้ำตาก็จะไหลด้วย หรือบางทีก็จะมีเยื่อสีขาวเป็นเส้นยาวขวางอยู่กับตา
ดิฉันไม่ทราบว่าอาการดังกล่าวเป็นอันตรายหรือไม่ และจะรักษาให้หายได้หรือไม่ โดยวิธีใด
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์ : ผู้ตอบ
ตากแดด ตากลม จะมีอาการตาแดง บางทีมีเยื่อขาว ๆ ติดอยู่ที่ตา แสดงว่าน้องคุณน่าจะเกิดภาวะเยื่อตาอักเสบจากการแพ้แดด ลม และฝุ่น รวมทั้งไอความร้อนจากแสงแดดอีกด้วย คือแพ้ต่อมลพิษที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะเมื่อออกกลางแจ้งพบได้ค่อนข้างบ่อย และมักจะเป็นที่มาของโรค “ต้อลม” หรือมิฉะนั้นอาจจะเป็นต้อเนื้อระยะเริ่มต้นด้วยก็ได้
น้องของคุณอาจจะมีต้อลมหรือต้อเนื้ออยู่ด้วย เพราะทั้งสองโรคมักจะมีก้อนหรือเยื่อขาว ๆ ใกล้ ๆ ขอบกระจกตาดำ ไม่ด้านหัวตาก็หางตา
โรคต้อทั้งสองจะเกิดกับเยื่อตาที่โดนลม โดนฝุ่น หรือแดด และไอความร้อนจากแสงอาทิตย์ซ้ำซากหรือต้องทำงานกลางแจ้งอยู่เป็นนิจ
เมื่อตาโดนกระทบกับมลพิษดังกล่าวบ่อย ๆ จะอักเสบ ตาจะแดง บางครั้งมีขี้ตาแบบเป็นเยื่อบาง ๆ ขาว ๆ หรือเป็นใย ทำให้ระคายเคืองและมัวพร่า ต้องกระพริบตาหรือขยี้ตา จะทำให้ตาสว่างขึ้นเป็นพัก ๆ โรคนี้ไม่อันตรายมาก เพียงหยอดยาลดอาการระคายเคืองหรือแพ้ จะดีขึ้น ร่วมกับป้องกันอย่าไปโดนมลพิษดังกล่าวซ้ำซาก คือสวมแว่นกันแดดหรือหมวกกันน็อกที่มีกระจกบังหน้าจะพอช่วยได้บ้าง
สาเหตุอีกอย่างคือภาวะเยื่อบุตาและกระจกตาดำมีน้ำหล่อเลี้ยงน้อยลง คือ น้ำตาน้อย เรียกว่า “ดรายอาย” คือ “โรคตาแห้ง แล้งน้ำตา” จะมีอาการตาแดงและแสบเคือง ไม่สบายตา เมื่อโดนลม ฝุ่น แดด และไอความร้อนเช่นกัน โรคนี้ค่อนข้างทรมาน เป็นแล้วรักษายาก ต้องใช้ “น้ำตาเทียม” หยอดเป็นประจำ
จึงไม่แน่ใจว่าน้องคุณจะจัดอยู่ในพวกไหน ที่แน่ ๆ คือมี “ภูมิแพ้” ที่เยื่อตาโดยตรง อันตรายจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเป็นมากเป็นน้อยเพียงใด
ถ้าเป็นมาก ๆ จะมีอาการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย จะทำให้มีอาการเพิ่มมากขึ้น อาจจะลุกลามถึงกระจกตาดำอักเสบได้ รักษาค่อนข้างยาก
หากเป็นเพียงตาแดงเฉย ๆ เมื่อโดนแดด โดนลมทุกครั้ง อาการอื่นไม่มีอะไร คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
ถ้าหลีกเลี่ยงการจากโดนสิ่งดังกล่าวจะไม่แดง ก็พยายามเลี่ยงหรือป้องกันด้วยการสวมแว่นกันแดด พอจะช่วยลดความรุนแรงลงไปได้บ้าง
ถ้าป้องกันหรือรักษาแล้วไม่หายขาด ต้องตรวจให้ละเอียดกันอีกครั้งว่าเป็รโรคอะไรกันแน่
โดยสรุปแล้ว คิดว่าไม่น่ามีอันตราย และรักษาได้
- อ่าน 12,848 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้