• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคเริมที่ริมฝีปาก

โรคเริมที่ริมฝีปาก

ถาม : นพชัย/กรุงเทพฯ

ปัจจุบันผมอายุ 24 ปี ส่วนสูง 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ร่างกายสุขภาพทั่วไปปกติดี ไม่มีโรคประจำตัว ผมมีปัญหาสุขภาพคือ ผมเป็นเริมที่บริเวณริมฝีปากไม่ทราบเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เป็นๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ ไปหาหมอก็ได้ยากินบ้าง ฉีดยาให้บ้าง (เวลาเป็นแล้วไม่ค่อยมั่นใจ เพราะผมทำงานอยู่บริษัทไฟแนนซ์ต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้าตลอดเวลา)
จึงอยากทราบว่าทำอย่างไรถึง จะรักษาให้หายขาดได้ หรือมีวิธีที่จะดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง คุณหมอช่วยตอบด้วยนะครับ

ตอบ : นพ.ประวิตร พิศาลบุตร


ปัจจุบันพบการระบาดของโรคเริมทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย ประมาณว่าคนอเมริกันนับ 20 ล้านคนเป็นโรคนี้ พบว่าร้อยละ 20 ของคนอเมริกันในวัยที่ยังมีเพศสัมพันธ์ได้ติดเชื้อเริมไปแล้ว นับว่าเป็นอัตราที่สูงและน่ากลัวมาก โรคเริมนั้นจัดเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด

โรคหนึ่งเริมเป็นโรคติดต่อเชื้อไวรัส แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
ชนิดที่ 1
เป็นตุ่มน้ำใสเจ็บๆ คันๆ บางครั้งเป็นตุ่มหนอง หรือแตกเป็นแผลเน่าเฟอะที่ริมฝีปาก จมูก คาง และแก้ม
ชนิดที่ 2 เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ ทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีอาการเจ็บ คัน ปวดแสบปวดร้อนและมีตุ่มน้ำใสๆ 1-2 ตุ่ม หรือหลายตุ่มขึ้นรวมเป็นกลุ่มอยู่บนผิวหนังที่อักเสบเป็นปื้นแดง
 
เริมจะกำเริบเมื่อผู้ติดเชื้ออ่อนแอลง เช่น เป็นไข้หวัด โดนแดดจัด ในสตรีก่อนมีประจำเดือน เริมที่ริมฝีปากหากไปแกะเกาตุ่มน้ำแล้วสัมผัสนัยน์ตา อาจเกิดการติดเชื้อเริมถึงขั้นตาบอดได้ ส่วนเริมที่อวัยวะเพศสตรีอาจก่อมะเร็งปากมดลูก เริมเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ โรคจะกำเริบ ซ้ำซากตลอดชีวิต
การเป็นโรคเริม นอกจากจะเจ็บปวดบาดแผลแล้ว ยังอาจมีไข้จนถึงขั้นนอนซม นอกจากนั้นตุ่มเริมที่ริมฝีปากยังทำลายบุคลิกภาพด้วยเพื่อป้องกันเริมและโรคติดเชื้อ อื่นๆ จึงแนะนำให้งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์สำส่อนควรใช้ถุงยางอนามัย ป้องกัน งดการใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ตลอดจนแก้วน้ำ เพื่อความปลอดภัย
ควรใช้หลอดดูดดูดน้ำจากแก้ว คอเหล้าที่ชอบดื่มเหล้าร่วมแก้วก็ต้องระวังการติดเชื้อเริมผู้หญิงที่ชอบทดลองลิปสติกตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางก็มีโอกาสติดเชื้อเริมได้ ผู้ที่เข้าห้องน้ำสาธารณะก็มีโอกาสติดเชื้อเริมที่ก้น จึงควรใช้กระดาษปูรองนั่ง พ่อแม่ก็ไม่ควรให้คนแปลกหน้ามาแสดงความรักกับลูกโดยการจูบการทักทายโดยการจูบแบบชาวตะวันตกนั้นเพิ่มการติดเชื้อเริมและโรคติดเชื้อต่างๆ อย่างมาก

ปัจจุบันมียาต้านเชื้อไวรัสในรูปยากิน เช่น acyclovir หรือ famciclovir ที่อาจทำให้อาการของโรคเริมทุเลาลงเร็วขึ้นแต่ก็ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ในกรณีที่มีผลต่อบุคลิกภาพอย่างมากเช่นนี้ ก็อาจจำเป็นต้องกินยากลุ่มนี้ซึ่งได้ผลดี แต่ก็มีราคาสูง บางคนเป็นเริมบ่อยมากจนตัวเองพอจะทราบได้ว่าถ้ามีอาการเจ็บแปลบๆ แบบนี้ที่ริมฝีปากละก็อีกไม่นานตุ่มน้ำใสๆ ของเริมก็จะขึ้นแน่นอน จึงอาจกินยากันไว้ก่อน ก็จะทำให้ตุ่มน้ำไม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยช่วยให้ไม่เสียบุคลิกภาพ แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์โรคผิวหนังก่อนใช้ยานะครับ