วิ่งทุกวัน ๆ ละ 7-10 กิโลเมตร วันหนึ่งหน้ามืดเป็นลม ก่อนหน้านี้บริจาคโลหิตมา 300 ซี.ซี. สาเหตุเกิดจากอะไร พักผ่อนนานเท่าใด
ถาม
ข้าพเจ้าออกวิ่งทุกวัน 7-10 ก.ม.ในเวลาเช้า และข้าพเจ้าบริจาคโลหิตทุก 3 เดือน เป็นจำนวน 44 ครั้งแล้ว ปัจจุบันอายุ 29 ปี สูง 166 น้ำหนัก 55 ก.ก. ทำให้ในเวลาเช้าวันหนึ่ง ข้าพเจ้าเกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมไปโดยไม่รู้สึกตัว โดยก่อนหน้าได้ทำการบริจาคโลหิต (300 ซี.ซี.) ข้าพเจ้าอยากทราบสาเหตุนี้เกิดจากอะไร และต้องทำการรักษาสุขภาพและพักผ่อนเป็นเวลานานเท่าใด
ประหยัด/กรุงเทพฯ
ตอบ
ร่างกายคนเรา มีเลือดราว 4-5 ลิตร (4,000-5,000 ซี.ซี.) การบริจาคเลือด 300 ซี.ซี. จึงเป็นของธรรมดา โดยเฉพาะในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง อย่างไรก็ดี หลังบริจาคเลือดใหม่ๆไม่ควรออกกำลังกายหนัก เพราะปริมาตรเลือดในตัวลดลงไป อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง อาจกินเวลา 24-48 ชั่วโมง กว่าปริมาตรเลือดในตัวเราจะปรับกลับมาเท่าเดิม
นอกจากนี้ อาจมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลให้เป็นลมหน้ามืดได้ เช่น เป็นไข้หวัด หรือไม่สบาย อดนอน อดอาหาร ดื่มเหล้า เบียร์ มากในคืนก่อนวิ่ง
ดังนั้น ภายหลังการบริจาคเลือด ควรลดปริมาณการวิ่งลงสัก 2-3 วัน เพื่อป้องกันภาวะหน้ามืดซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะความดันเลือดตก เนื่องจากปริมาตรเลือดในร่างกายยังต่ำกว่าปกติ ทั้งนี้เพราะในขณะออกกำลังกาย เราต้องการเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมาก ปริมาตรเลือดที่ลดลงไป ซึ่งไม่รู้สึกในเวลาปกติจะมีผลสะท้อนให้เห็นได้ในขณะวิ่ง
ฉะนั้น ควรลดการวิ่งลงทั้งระยะทาง และ/หรือความเร็วหลังการบริจาคเลือดครั้งต่อไป
นพ. กฤษฎา บานชื่น
- อ่าน 4,826 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้