เป็นมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันอายุ 30 ปีแล้ว มีหนองไหลออกหลังโพรงจมูกผ่านลำคอ กินยาแก้อักเสบแล้ว ทำให้ปวดเอวมาก โรคนี้มีโอกาสหายหรือไม่
ถาม
ปัจจุบันอายุ 30 ดิฉันเป็นโรคโพรงจมูกอักเสบมาตั้งแต่เด็ก อาการของมันคือมีกลิ่นปากมาก
ปีที่แล้วมาหาหมอที่กรุงเทพฯ หมอบอกว่า ดิฉันเป็นโรคโพรงจมูกอักเสบ มีหนองไหลออกหลังโพรงจมูกผ่านลำคอ (น้ำเหลืองคล้ายหนอง)
หมอให้ยาแก้อักเสบและยาลดน้ำมูก กินอย่างละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น หมอบอกว่ากิน 1-2 ปีจะหาย ดิฉันก็กินไป 3-4 เดือนแล้ว บางครั้งก็ดีขึ้น บางครั้งก็เหมือนเดิม คือมีกลิ่นปากอยู่
หมอแนะนำให้อมน้ำเกลือกลั้วคอ ดิฉันก็ทำเป็นประจำ
เดี๋ยวนี้ ดิฉันกินยา แอมพิซิลลิน 2 เม็ด พร้อมยาแก้แพ้อีก 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็นเป็นประจำ แต่ทำไมกินยาแก้อักเสบแล้วปวดเอวมาก ให้หมอที่จังหวัดตรวจก็บอกว่าเป็นโรคไต เลือดออกจากไตด้วย
เดี๋ยวนี้ ลูกของดิฉันก็เป็นโรคติดเชื้อโพรงจมูกอักเสบด้วย คือมีกลิ่นปาก โดยเฉพาะตอนเช้า กลิ่นแรงที่สุด มีเสมหะและน้ำมูกด้วย คนโต 9 ขวบ คนเล็ก 7 ขวบ
ขอเรียนถามว่า
1. โรคนี้มีโอกาสหายหรือไม่ ใช้ยาอะไร (เด็กและผู้ใหญ่)
2. เดี๋ยวนี้ดิฉันเริ่มวิ่งด้วย จะดีไหม
3. โรคดื้อยา แอมพิซิลลิน และยาแก้แพ้ มียาอื่นกินแทนหรือไม่
4. ถ้ากินยาดังกล่าว นาน 1-2 ปี จะเป็นอันตรายไหม
5. บางวัน ถ้ามีตุ่มสีแดงที่คอมาก จะกินแพนวี ควบไปด้วยดีหรือไม่?
วรรณา/แพร่
ตอบ
1. โรคนี้ควรรักษาด้วยยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน และยาปฏิชีวนะ เช่น เพนวี แอมพิซิลลิน หรืออีริโทรมัยซิน เพราะเกิดจากการแพ้ และการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ดังเช่นที่ได้รับการรักษามานั้นก็นับว่าดีแล้ว
แต่เนื่องจากโรคนี้เกี่ยวกับการแพ้ เช่น แพ้ฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร อากาศเย็น ฯลฯ ดังนั้น จึงมีโอกาสเป็นเรื้อรัง ไม่ค่อยหายขาด จึงควรกินยาเป็นครั้งคราว เมื่อรู้สึกว่าเป็นมาก
2. การออกกำลังกาย จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีส่วนช่วยให้โรคนี้ทุเลาได้ จึงควรทำเป็นประจำ
3. ถ้าดื้อยาแอมพิซิลลิน หมออาจให้ยาปฏิชีวนะตัวอื่น เช่น อีริโทรมัยซินแทน แต่ต้องแน่ใจว่าเชื้อดื้อจริง บางทีอาจไม่ใช่ดื้อยาก็ได้ เพราะโรคนี้จะเป็นๆหายๆ เรื้อรังตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าจะเปลี่ยนขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
4. ถ้ากินเว้นเป็นช่วงๆ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ก็ควรเฝ้าดูอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน หรืออาการแพ้ หากสงสัยก็ควรปรึกษาแพทย์
5. ตุ่มแดงที่คอ ถ้าเป็นหนอง หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การใช้เพนวีก็มีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ยาปฏิชีวนะตัวอื่นอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกินเพนวีควบด้วย ข้อสำคัญต้องวินิฉัยให้ได้ว่า ตุ่มแดงนั้นไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การแพ้ เป็นต้น ไม่เช่นนั้น การใช้ยาปฏิชีวนะก็เป็นเรื่องที่เกินจำเป็น
นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
- อ่าน 4,478 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้