• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ตับอักเสบซี

ถาม : พัชราภา/กรุงเทพฯ
ที่ผ่านมาเคยได้ยินบ่อยๆ เรื่องของไวรัสตับอักเสบบี แต่ 2 สัปดาห์ที่แล้วเห็นข่าวคนวงการบันเทิงเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี ต้องการทราบว่าไวรัสตับอักเสบซีอาการเป็นอย่างไร จะรักษาได้หรือไม่

ตอบ : นพ.ยง ภู่วรวรรณ
โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสจะมีอาการคล้ายๆ กันคือ ดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ไม่มีแรง บวม มีน้ำในช่องท้อง การที่จะแยกอาการว่าเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใดนั้น ต้องใช้วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงจะรู้ แต่ที่น่าสังเกตคือโรคตับอักเสบจากไวรัสชนิดอื่นๆ มักจะเป็นแบบเฉียบพลัน และจะหายได้ภายในเวลา 6 เดือน ถ้าหากมีอาการของโรคตับอักเสบเรื้อรังก็มักจะเกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี

โดยทั่วไปผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่หลังติดเชื้อแล้วภายในเวลา 10 ปีแรก จะไม่มีอาการอะไรเลย ยกเว้นส่วนน้อยที่อาจมีอาการของโรคแบบเฉียบพลัน ต่อเมื่อย่างเข้าสู่ 10 ปีที่ 2 ก็อาจเริ่มมีอาการ ของตับอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้น และเมื่อ 30 ปีผ่านไป ตับจะถูกทำลายมากขึ้น ก็จะเริ่มมีอาการของตับแข็งปรากฏให้เห็น หรือเป็นโรคตับแข็ง แล้วผู้ป่วยจำนวนหนึ่งก็จะเป็นมะเร็งตับ
เรียกว่ากว่าจะแสดงอาการก็ใช้เวลาหลายสิบปี โดยที่โรคจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ผู้ป่วยจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีโรคอันตรายซ่อนแฝงอยู่ ถ้าไม่ได้ตรวจเลือด ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ประมาณร้อยละ 15-20 อาจหายจากโรคได้เอง แต่ส่วนใหญ่ร้อยละ 75-85 จะเป็นเรื้อรัง ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาก็จะกลายเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตในที่สุด

การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี
ไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนไวรัสชนิดเอและบี ดังนั้นพื้นฐานการรักษาทั่วไป ก็คือการทำร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายได้บ้างตามแต่ระยะของโรค ไม่วิตกกังวลหรือเครียดกับอาการเจ็บป่วยจนเกินไป เพราะบางครั้งความคิดในเชิงลบ ก่อให้เกิดโทษภัยมากกว่าตัวเชื้อโรคเสียอีก และถ้าเชื้อไวรัสคุกคามทำลายเนื้อตับจนเกิดการอักเสบ ก็ต้องรักษาโดยการกินยา
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีให้หายได้ทั้งหมดทุกคน แต่ผลรวมของการรักษาไวรัสตับอักเสบซีดีกว่าตับอักเสบบี

สำหรับการป้องกันไวรัสตับอักเสบซีที่ดีที่สุดก็เหมือนกับการป้องกันโรคเอดส์คือ ไม่ใช้ของมีคมหรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือมีการให้เลือดโดยไม่ได้ตรวจ ซึ่งนอกจากจะปลอดภัยจากโรคตับอักเสบบีและซีแล้ว ยังปลอดภัยจากโรคเอดส์ด้วย