• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สงสัยจะเป็นเกาต์


ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด 7 ปีแล้ว ปัจจุบันอาการดีขึ้นมาก หลังสุดไปตรวจเลือดหมอหมอมีกรดยูริกมาก อาจจะเป็นเกาต์

ดิฉันอายุ 58 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด (กล้ามเนื้อหัวใจตาย) เป็นเวลา 7 ปีมาแล้ว และได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ มียากินและยาอมใต้ลิ้นด้วย
ปัจจุบันนี้อาการดีขึ้นมากจนเกือบเป็นปกติ เพราะเดี๋ยวนี้ออกกำลังกายโดยวิธีวิ่งเหยาะ ๆ ระยะทาง 2 กิโลเมตรใช้เวลา 40 นาที และทำงานบ้านทุกอย่างได้ปกติ ยกเว้นยกของหนัก ๆ เกินควรดิฉันจะไม่ทำ เพราะระวังสุขภาพอยู่ น้ำหนักตัวดิฉันขณะนี้ 58 กิโลกรัม ความดันปกติ ทุกอย่างปกติ เพราะได้ตรวจเลือดและตรวจหัวใจตลอดมาทุก ๆ ปี และยาที่กินอยู่ขณะนี้ก็คือ Isordil 10 มิลลิกรัม และ Isoptin 40 มิลลิกรัม

หลังสุดได้ตรวจเลือดและหัวใจอีก ผลที่ออกมาทุกอย่างปกติ คือเม็ดเลือดขาว, เบาหวาน และไต มีแต่ยูริก 12.0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ คุณหมอที่รักษาบอกว่าเป็นรูมาตอยด์ แต่ยังไม่แน่ใจ บอกว่าคราวหน้าให้ไปตรวจใหม่ ขณะนี้รู้สึกมีอาการปวดเมื่อย ตรงใต้เข้าข้างซ้าย ข้อสะโพกซ้าย และข้อนิ้วชี้ข้างซ้ายด้วย บางวันต้องกินยาพาราเซตามอลช่วย อาการยังไม่รุนแรงเพราะไม่มีอาการบวมแดง

ขอเรียนถามว่า
ดิฉันเป็นโรคเกาต์หรือเปล่า จะใช้ยาอะไรกินจึงจะหาย เพราะอะไรจึงเป็นโรคนี้ จะเป็นเพราะกินยารักษาโรคหัวใจ 2 ชนิดนี้มาเป็นเวลานานหรือเปล่า เพราะคุณหมอที่รักษาบอกว่าให้กินยา 2 ตัวนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อก่อนกินครั้งละ 1 เม็ด (เช้า-กลางวัน-เย็น และก่อนนอนใช้ยา Isordil อีก 1 เม็ด) เพิ่งมาประมาณ 2-3 ปีหลังนี้ลดลง เหลือเช้า-เย็นครั้งละ 1 เม็ดทั้ง 2 ชนิด


สมพิศ/ปัตตานี

ตอบ

1. ยังไม่มีรายงานหรือบันทึกเกี่ยวกับการใช้ยาโรคหัวใจ 2 ชนิดที่คุณกินทำให้เกิดโรคเกาต์ หรือทำให้กรดยูริกในเลือดสูงเกินไป

2. อาการปวดข้อที่คุณเล่ามา ไม่ใช่อาการของโรคเกาต์ ในโรคเกาต์คนไข้มักปวดเพียงข้อเดียว เวลาเกิดอาการปวดรุนแรงมาก ข้อจะบวมแดงร้อนชัดเจน บางรายปวดจนไข้ขึ้นก็มี ส่วนใหญ่ปวดข้อนิ้วหัวแม่เท้า แต่ที่ข้ออื่นก็อาจพบได้

โรคเกาต์เป็นผลจากการที่มีกรดยูริกในเลือดสูงผิดปกติ คุณบอกว่า หมอตรวจเลือดแล้วพบกรดยูริก 12 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แล้วบอกว่าเป็นโรครูมาตอยด์นั้น ผมคิดว่าคุณคงจะฟังมาผิดมากกว่า อาการของคุณก็ไม่เหมือนโรครูมาตอยด์
ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์คนเดิม พูดคุยให้ได้คำตอบที่ชัดเจนเสียเถอะครับ

น.พ. ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล