"ทุกอย่างย่อมมีทั้งด้านดีและด้านเสีย การทำความเข้าใจทั้งสองด้านย่อมทำให้สามารถแก้ไขและป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทันท่วงที
ยาก็เช่นเดียวกัน หากเรารู้แต่ด้านดีโดยไม่รู้ด้านเสีย (ด้านอันตราย) ย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ
หากท่านผู้อ่านต้องการถามปัญหาเรื่องยาผ่านคอลัมน์นี้ โปรดวงเล็บมุมซอง "108 ปัญหายา" ทางนิตยสารจะทยอยนำคำตอบข้อสงสัยของทานลงตีพิมพ์ในหน้านี้"
ยาลดความอ้วน กินแล้วลดพุงได้จริงหรือ
มีคนเข้าใจผิดคิดว่ายาลดความอ้วนเป็นยาลดไขมัน ลดหน้าท้อง จริงๆแล้วไม่ใช่
ยาลดความอ้วน เป็นยาที่ออกฤทธิ์ทำให้เบื่ออาหาร ไม่รู้สึกหิว ประสาทตื่นตัวตลอดเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ดังนั้น เมื่อรับประทานอาหารน้อยลงก็จะผอมลง ซึ่งการลดความอ้วนไม่ต้องถึงกับไม่กินอะไรเลย เพียงแต่ต้องคอยควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายให้พอเหมาะ
ถ้าลดความอ้วนโดยใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะทำให้เป็นคนประสาทแข็ง ไม่หิวข้าว เบื่ออาหาร ร่างกายทรุดโทรม สมองไม่แจ่มใส เมื่อขาดยาจะรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวายคล้ายคนติดยา คือ มีอาการง่วงนอนอย่างมาก ใจสั่น และอาจมีโรคจิตได้
การออกฤทธิ์ของยาลดความอ้วนนี้เหมือนกับยาม้าที่พวกโชเฟอร์สิบล้อ(ตีนผี) ใช้กัน เมื่อใช้ยาแล้วเวลาออกฤทธิ์จะหลับใน ทำให้เกิดอุบัติเหตุง่าย เป็นอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
นอกจากนี้ยังมีคนบางคนจำพวก เช่น ยาระบาย เป็นยาลดความอ้วน ทำให้เกิดการขาดสารอาหาร ขาดวิตามิน และติดยาระบายในที่สุด
คิดมากจนนอนไม่หลับกินยาพวกคลายประสาทบ่อยๆ จะเป็นอันตรายไหม
ยาพวกคลายประสาทปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่กุลีไปจนถึงนายแบงค์
ยาประเภทนี้มีสรรพคุณระงับประสาท ถ้าใช้นานตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไปอาจติดยาได้ ทำให้นอนไม่หลับถ้าไม่ได้กิน (ทรมานยิ่งกว่าตอนไม่ได้กินยาเสียอีก) ทำให้ต้องพึ่งยาเรื่อยไป ถ้าขาดยาจะรู้สึกหงุดหงิด กระวนกระวาย ไม่สบายใจ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า จะเกิดผลต่อสมองอย่างไร แต่ถ้าต้องกินเพิ่มขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วละก็ จะทำให้สมองไม่แจ่มใส สะลึมสะลือไม่เป็นอันทำมาหากินแน่นอน
ทางที่ดีควรจะแก้ไขที่ต้นเหตุถ้านอนไม่หลับเพราะมีความเครียดหรือคิดมาก ควรพยายามหัดทำจิตใจให้สงบโดยการฝึกสมาธิ พยายามทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน นอกจากคุณจะนอนหลับได้อย่างสบายแล้ว คุณยังจะมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการประหยัดเงินที่จะต้องไปซื้อยากินทำลายร่างกายตนเองอีกด้วย
ใช้ยาล้างตาบ่อยๆ ทำให้ตาแวววาว แจ่มใสอย่างโฆษณาหรือเปล่า
ปกติ...แล้ว ในนัยน์ตาของคนเรา สามารถขับน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาอยู่ตลอดเวลา
เราจำเป็นต้องใช้ยาล้างตาก็ต่อเมื่อมีผงเข้าตา ส่วนเวลาอื่นๆ แล้วไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างตาเลย เพราะยาจะไปละลายน้ำหล่อเลี้ยงตาซึ่งร่างกายเราสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติให้ลดน้อยลง ทำให้นัยน์ตาแห้ง และเยื่อตาอาจจะอักเสบตามมาได้
- อ่าน 2,472 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้