Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ถาม-ตอบผ่าน website
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ถาม-ตอบผ่าน website

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มกราคม 2551 00:00

โรคต้อหิน
Q อยากทราบว่าโรคต้อหินเกิดจากสาเหตุใด และมีวิธีการป้องกันหรือรักษาอย่างไร

รัชดาภรณ์ ตันติมาลา

A สาเหตุของโรคต้อหินส่วนใหญ่เกิดขึ้นเอง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- หยอดยาประเภทสตีรอยด์เป็นประจำ.
- มีการอักเสบเรื้อรังของลูกตา.
- สาเหตุอื่นๆ เช่นอุบัติเหตุที่ตา, ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน.

การรักษาต้อหินจะไม่สามารถทำให้เซลล์ประสาทตาที่เสียไปแล้วคืนกลับมาได้ แต่เป้าหมายของการรักษาคือไม่ให้สายตาเสียไปมากกว่านี้. ดังนั้นถ้ามีอาการปวดตาและโดยเฉพาะถ้ามีตาแดงร่วมด้วยให้รีบไปตรวจตา. ส่วนผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนเป็นต้อหินครอบครัว จะมีโอกาสเป็นต้อหินได้มากกว่าคนทั่วไป.

ในปัจจุบันการรักษาต้อหินจะเพื่อให้ความดั ลูกตาลดลง โดยการทำให้การสร้างน้ำหล่อเลี้ยงใน ลูกตาลดลง หรือทำให้การระบายน้ำออกจากลูกตาดีขึ้น หรือทั้งสองอย่าง. การรักษาจะแบ่งเป็น 3 วิธี คือ
1. ยาลดความดันตา มีทั้งชนิดกิน และยาหยอดตา.
2. การยิงแสงเลเซอร์.
3. การผ่าตัด.

การจะรักษาโดยวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของต้อหินและผลของการรักษาในขณะนั้น โดยมีการประเมินและการตัดสินใจร่วมกันของจักษุแพทย์และผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้จะต้องไปติดตามการรักษาตามนัด และใช้ยาตามที่จักษุแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะตาบอดจากโรคต้อหิน ซึ่งจะไม่สามารถทำให้กลับมาเห็นดีขึ้นได้อีกเลย.
 
            
                                                       ยาหยอดตาประเภทสตีรอยด์

ข้อแนะนำในการป้องกันตาบอดจากโรคต้อหิน

1. เมื่อมีอาการผิดปกติกับตา ห้ามซื้อยาหยอดตามาหยอดเอง เพราะถ้าได้ยาหยอดตาประเภท สตีรอยด์ อาจทำให้เกิดโรคต้อหิน ทำให้ตาบอดได้.

2. ในผู้ที่มีอายุมากว่า 40 ปีทุกคนซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหิน, ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคต้อหิน รวมทั้งผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินเพิ่มขึ้น เช่น เป็นโรคเบาหวาน กินยาสตีรอยด์เป็นประจำ ควรไปรับการตรวจสุขภาพตาและวัดความ ดันตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง.

3. ถ้ามีอาการผิดปกติทางตา เช่น ปวดตามากร่วมกับอาการตามัว หรือรู้สึกตึงๆตาควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคตั้งแต่ต้น.

ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.
จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


หลอดเลือดขาตีบ
Q มีญาติอายุ 70 ปี เป็นโรคหลอดเลือดที่ขาตีบ มีแผลที่เท้าด้วย ไปตรวจแล้วแพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดบายพาสหลอดเลือด ไม่ทราบว่าจะทำยังไงต่อดี

ปิยะดา พูลสวัสดิ์

A จากข้อมูลที่ให้มา น่าจะเป็นโรคหลอดเลือดแดงที่มาเลี้ยงขาตีบ หรือตัน ร่วมกับมีภาวะแทรกซ้อน คือมีแผลที่เท้าด้วย คงจะต้องประเมินดังนี้ครับ

ประเมินโรคที่มีร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคอื่นๆ ถ้ามี.
ประเมินจากปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้มีภาวะหลอดเลือดแดงตีบหรือตันได้ เช่น การสูบบุหรี่.
ประเมินภาวะหลอดเลือดแดงตีบว่าตีบจริงหรือไม่ ตีบที่ตำแหน่งใด มากน้อยเพียงใด.
ประเมินภาวะของแผลที่ขาว่าเป็นลักษณะของแผลที่เกิดจากการขาดเลือดหรือไม่ มีสาเหตุอื่นๆได้หรือไม่.

โดยแพทย์คงต้องซักประวัติและตรวจร่างกายในระบบที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ได้ข้อสรุปว่าน่าจะเป็นจากหลอดเลือดแดงตีบ และทำให้เกิดลักษณะของแผลขาดเลือดที่เท้าดังกล่าว จะมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดรักษา หรือที่เรียกว่าทำบายพาส (vascular bypass หรือ revascularization) ดังนี้

1. มีอาการของแผลเน่าตาย (gangrene) จากการขาดเลือด.
2. แผลจากการขาดเลือด ที่รักษาทำแผลแล้วแผลไม่หาย (unhealed ulcer).
3. มีอาการปวดขาและปวดน่องเมื่อเดิน และเป็นลักษณะของอาการปวดจากการขาดเลือด บ่อยจนรบกวนชีวิตประจำวัน (disabling vascular claudication).

เมื่อมีข้อบ่งชี้ดังกล่าว ศัลยแพทย์หลอดเลือดจะทำการส่งผู้ป่วยตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูลักษณะของหลอด เลือดแดงที่ตีบ และดูว่าจะมีตำแหน่งใดที่เหมาะสมที่จะนำหลอดเลือดใหม่มาต่อ (bypass) ได้บ้าง โดยอาจส่งตรวจเป็นการฉีดสีหลอดเลือดแดง (angiography) หรือทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือด (CT angiogram) หรือการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าดูหลอดเลือดแดง (MRA) และก่อนการผ่าตัดจะมีการตรวจร่างกายและตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาโรคระบบอื่นๆ ที่มักพบร่วมด้วย เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น ซึ่งถ้ามี ต้องรักษาให้ดีเสียก่อนที่จะมาผ่าตัดทางหลอดเลือด ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน.

นอกจากนี้ ศัลยแพทย์จะพิจารณาคุณภาพชีวิตและการใช้งานของอวัยวะที่จะทำการรักษาด้วย เพื่อหวังวัตถุประสงค์สองข้อหลักๆ คือ เก็บอวัยวะ (save limb) และให้ใช้งานได้ดีเหมือนหรือเกือบเหมือนปกติ (save function) สำหรับการตรวจและการผ่าตัดโรคทางหลอดเลือดดังกล่าวสามารถทำได้ในโรงเรียนแพทย์ แทบทุกแห่งที่มีศัลยแพทย์หลอดเลือด

วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ.
ศัลยแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • โรคตามระบบ
  • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
  • โรคหู ตา คอ จมูก
  • คุยสุขภาพ
  • ถาม-ตอบผ่าน website
  • หลอดเลือดขาตีบ
  • โรคต้อหิน
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์
  • อ่าน 4,538 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <