Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » โรคลมชัก
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคลมชัก

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2551 00:00

วิทยาการสมัยใหม่มีเพิ่มขึ้นทุกวันในการดูแลรักษาผู้ป่วย บางครั้งแพทย์โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่อาจมีปัญหาในการตอบคำถาม หรือสื่อสารกับผู้ป่วย ซึ่งบางครั้งอาจดูเหมือนเป็นคำถามง่ายๆ สั้นๆ แต่จะตอบให้เข้าใจตรงกันได้ยาก ถ้ามีแนวทางในการตอบคำถามและสื่อสารกับผู้ป่วยให้เข้าใจโรคของตนเอง ก็จะทำให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างสมบูรณ์และดียิ่งขึ้น

โรคลมชัก

                          
                 ภาพที่ 1.
แสดงคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalography: EEG) ที่ผิดปกติบริเวณ
                                  สมองซีกขวา.

Q อาการชักคืออะไร
A
อาการชักเกิดจากจุดพยาธิกำเนิดของเซลล์ประสาทในสมอง (epileptic foci) ได้ปลดปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติ (epileptiform discharge) ไปยังจุดต่างๆ ในสมองที่เชื่อมต่อกันตามกายวิภาคของสมอง ทำให้เกิดอาการชักให้เห็น (clinical seizure) หรือ ถ้าส่วนของสมองที่ถูกรบกวนไม่ได้ต่อเชื่อมกับระบบประสาทสัมผัสหรือระบบที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ผู้ป่วยก็อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น (subclinical seizure). ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจุดพยาธิกำเนิดปลดปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติไปยังเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนในสมองซีกขวาทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแขนซ้ายกระตุกให้เห็น และถ้าคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกตินี้กระจายไปยังสมองด้านตรงข้ามก็จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชักเกร็งกระตุกทั้งตัว, หมดสติ.

จากตัวอย่างข้างบน ทำให้สามารถอธิบายได้ถึงอาการชักหลายๆ รูปแบบในคนแต่ละคนแตกต่างกันไป. ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุและขนาดของจุดพยาธิกำเนิดของเซลล์ประสาทในสมอง (epileptic foci), จุดต่างๆ ในสมองที่เชื่อมต่อกันตามกายวิภาคของสมองกับจุดพยาธิกำเนิด, ระยะเวลาของการเป็นโรคลมชัก.

การชัก (seizure) อาจเกิดได้ในผู้ป่วยที่มีหรือไม่มีรอยโรคในสมองก็ได้ ในผู้ป่วยที่สมองปกติมักจะมีสิ่งกระตุ้น (precipitating factor) เช่น ภาวะไข้สูง, ภาวะน้ำตาลในเลือดผิดปกติ, ภาวะระดับเกลือแร่และสารน้ำในเลือดผิดปกติ, การอดนอน เป็นต้น.
โรคลมชักหรือลมบ้าหมู หมายถึง การชัก (seizure) ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ โดยไม่มีสิ่งกระตุ้น.

Q สาเหตุของอาการชักมีอะไรบ้าง
A
จำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
1. กลุ่มที่ไม่มีพยาธิสภาพหรือรอยโรคในสมอง เช่น ภาวะชักจากไข้สูง, ภาวะระดับเกลือแร่และสารน้ำในเลือดผิดปกติ, ยาหรือสารกระตุ้นสมอง.
2. กลุ่มที่มีพยาธิสภาพหรือรอยโรคในสมอง (epileptic lesion) ได้แก่
2.1 ความผิดปกติของสมองแต่กำเนิด.
2.2 การติดเชื้อในระบบประสาท เช่น ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ภาวะเนื้อสมองอักเสบ, ฝีในสมอง.
2.3 การกระทบกระเทือนที่ศีรษะ เช่น ภาวะเลือดออกในสมอง, แผลเป็นจากสมองช้ำ.
2.4 เนื้องอกในสมอง.

Q อุบัติการณ์ของโรคลมชักพบมากขนาดไหน
A
ปัจจุบันข้อมูลของสมาคมโรคลมชักแห่งประเทศไทยคาดว่ามีผู้ป่วยโรคลมชักประมาณ 500,000-600,000 คน อายุที่มีอุบัติการณ์สูงสุดคือใน 5 ปีแรก หลังจากนั้นอุบัติการณ์ลดลงและสูงขึ้นอีกครั้งในผู้สูงอายุ.

Q อาการแสดงที่พบได้บ่อยในโรคลมชักมีอะไรบ้าง
A
อาการที่พบได้บ่อยในโรคลมชัก มีดังนี้
1. อาการเหม่อลอยชั่วขณะ.
2. อาการหมดสติทันทีร่วมกับอาการตัวอ่อน.
3. อาการกระตุกซ้ำๆ ที่ส่วนของร่างกาย เช่น แขน, ขา กระตุก.
4. อาการเกร็งที่ส่วนของร่างกาย.
5. มีพฤติกรรมผิดปกติชั่วขณะโดยที่ไม่มีการรับรู้ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม.
6. มีอาการเฉพาะในระบบประสาทสัมผัส เช่น ชาเฉพาะที่, ได้กลิ่นแปลกๆ ซ้ำๆ, มองเห็นแสงผิดปกติ, หูแว่ว เป็นต้น.

Q ขั้นตอนการตรวจรักษาโรคลมชักจะต้องทำอย่างไร
A
เริ่มโดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายทั่วไปและระบบประสาทโดยละเอียด รวมถึงการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (electroencephalography : EEG) (ภาพที่ 1), วิดีทัศน์ขณะมีและไม่มีอาการชัก (videoEEG monitoring) และการตรวจเพื่อหารอยโรคในสมองโดยภาพถ่ายรังสีหรือภาพถ่ายจากการ สะท้องของคลื่นแม่เหล็ก (CT or MRI brain) (ภาพที่ 2) โดยจะมีขั้นตอนการวินิจฉัยดังต่อไปนี้

1. วินิจฉัยแยกโรคกับโรคที่มีอาการคล้ายโรคลมชัก เช่น โรคไมเกรน (migraine), โรคหลอดเลือดสมองตีบชั่วขณะ (transient ischemic attack), ภาวะเป็นลม (syncope), ภาวะการหลับนอนผิดปกติ (sleep disorder) เป็นต้น.
2. จำแนกลักษณะอาการชักเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่มีอาการชักเฉพาะที่ (focal epilepsy), กลุ่มที่มีอาการชักทั้งสมอง (generalized epilepsy), กลุ่มที่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นอาการชักเฉพาะที่หรืออาการชักทั้งสมอง และกลุ่มที่มีอาการชักเป็นครั้งคราวเนื่อง จากความผิดปกตินอกสมอง (special syndrome) เช่น ภาวะชักจากไข้สูง (febrile convulsion).
3. ดำเนินการหาสาเหตุของอาการชักหรือ จุดพยาธิกำเนิดของโรคลมชัก.
4. พิจารณาดำเนินการรักษาตามสาเหตุและควบคุมอาการโรคลมชักตามชนิดและความรุนแรงของโรคลมชัก.

Q ความสำคัญของการรักษาอาการชักหรือโรคลมชัก ทำไมต้องรักษา
A
สาเหตุที่ต้องรักษามีดังนี้
1. เพื่อลดอัตราเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากอาการชัก เช่น การได้รับบาดเจ็บในช่วงที่หมดสติ, การเสียชีวิตกะทันหันจากอาการชักไม่หยุดหรือขาดอากาศหายใจจากการสำลัก.
2. เพื่อพัฒนาการทางสมองที่ดีขึ้นโดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กที่อยู่ในวัยที่สมองกำลังพัฒนาและวัยเรียนรู้.
3. เพื่อลดโอกาสที่สมองส่วนอื่นๆ ที่ถูกรบกวนด้วยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติซ้ำๆ นานๆ จนสามารถปลดปล่อยคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติได้เอง (secondary epileptogenicity) ซึ่งส่งผลให้การควบคุมอาการชักทำได้ยากยิ่งขึ้น.

Q วิธีการรักษาอาการชักหรือโรคลมชักในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
A
วิธีการรักษามีดังนี้
1. กำจัดสาเหตุหรือจุดพยาธิกำเนิดของเซลล์ประสาทในสมองที่ก่อให้เกิดการชักซึ่งถ้าได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีก็มีโอกาสที่จะหายขาดจากอาการชักได้.
2. การรักษาด้วยยากันชักเพื่อควบคุมอาการชัก.
3. การรักษาโดยการทำผ่าตัดเพื่อกำจัดสาเหตุ หรือจุดพยาธิกำเนิดหรือเพื่อควบคุมอาการชักที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา.
4. การรักษาโดยใช้อาหารชนิดพิเศษ (ketogenic diet) ในโรคลมชักบางชนิด.

                                                
                      ภาพที่ 2. ภาพถ่ายจากการสะท้อนของคลื่นแม่เหล็กที่แสดงความผิดปกติ
                                      ของสมองส่วน Hippocampus ซึ่งมักพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่เป็น
                                      โรคลมชักที่ตอบสนองต่อยากันชักไม่ดี แต่ตอบสนองดีต่อการผ่าตัดรักษา.


Q การปฏิบัติตัวเมื่อพบเห็นผู้ป่วยมีอาการชัก ต้องทำอย่างไรบ้าง
A
เมื่อพบเห็นผู้ป่วยมีอาการชัก ต้องทำดังนี้
1. ผู้ปกครองหรือผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องตั้งสติ ให้มั่น.
2. จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่ปลอดภัย คือ ท่านอนราบ, ตะแคงศีรษะไปด้านข้าง เพื่อกันมิให้ทางเดินหายใจอุดตัน.
3. ห้ามสอดใส่วัสดุใดๆ เข้าในปาก หรือพยายามงัดปาก.
4. ถ้าเด็กมีไข้สูงแล้วชักให้ทำการเช็ดตัวเพื่อลดไข้ แล้วนำตัวไปพบแพทย์ทันทีเมื่อเด็กหยุดชัก.
5. นำส่งสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงทันที.

Q เมื่อไรต้องผ่าตัดรักษาโรคลมชัก
A
ข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดรักษาโรคลมชัก
1. โรคลมชักที่ตอบสนองต่อยากันชักไม่ดี อย่างน้อยควรเคยได้รับยากันชัก 2 ชนิดขึ้นไป (medi-cally intractable epilepsy).
2. โรคลมชักที่ตอบสนองต่อยากันชักแต่มีพยาธิสภาพในสมองที่ตรงกับจุดกำเนิดของคลื่นสมอง ที่ผิดปกติ (symptomatic focal epilepsy with epileptogenic lesion) เช่น เนื้องอกในสมอง.
3. การผ่าตัดรักษาอาการชักที่เกิดต่อเนื่องตลอดเวลาและอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ (refractory status epilepticus

               
               ภาพที่ 3.
แสดงการผ่าตัดใส่ electrodes. เพื่อทำแผนที่สมองให้ทราบถึงจุดกำเนิด
                                อาการชัก (รูปซ้าย) และการผ่าตัดครั้งที่สองเพื่อเอาจุดกำเนิดอาการชัก
                                ออกไปโดยไม่รบกวนการทำงานในส่วนที่สำคัญของสมอง(รูปขวา).

Q การผ่าตัดโรคลมชัก ได้ผลดีขนาดไหน
A
ผลการผ่าตัดรักษาโรคลมชัก ขึ้นอยู่กับความรุนแรง, ชนิดของโรคลมชัก, ระยะเวลาของโรคลมชัก, ผลการตรวจหาจุดกำเนิดโรคลมชัก ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆไป. ผลการผ่าตัดรักษาโรคลมชักอาจมีตั้งแต่หายขาดได้โดยไม่ต้องกินยากันชักอีก ไปจนถึงไม่สามารถหายขาดจากโรคลมชักแต่ลดความรุนแรง และจำนวนของอาการชักลง โดยโรคลมชักในเด็กที่หายขาดจากอาการชัก ผู้ป่วยจะมีพัฒนาการทางสมองดีขึ้นตามมาด้วย.

ปัจจุบันสามารถเข้ารับการตรวจเพื่อพิจารณาว่าสามารถผ่าตัดเพื่อรักษาโรคลมชักได้ที่ศูนย์รักษาโรคลมชักที่สถาบันต่างๆดังต่อไปนี้ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และสถาบันประสาทวิทยา กรุงเทพฯ.

สำหรับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของโรคลมชักต้องพิจารณาเป็นรายๆ โดยประมาณอยู่ระหว่าง 50,000-300,000 บาท (ราคานี้รวมค่าตรวจเพิ่มเติมและอุปกรณ์พิเศษทางการแพทย์ เช่น PET scan, subdural electrodes) (ภาพที่ 3).

 
บรรณาธิการ
วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ.
ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้นิพนธ์
อัตถพร บุญเกิด พ.บ., อาจารย์
หน่วยประสาทศัลยแพทย์ ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • คุยสุขภาพ
  • คำถามที่ท่านควรรู้ในเวชปฏิบัติทั่วไป
  • โรคลมชัก
  • นพ.อัตถพร บุญเกิด
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • อ่าน 14,127 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน ChangeFusion พัฒนาระบบโดย Opendream สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa