Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » Warfarin vs. aspirin ในการป้องกัน stroke
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

Warfarin vs. aspirin ในการป้องกัน stroke

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2551 00:00

Disclaimer : รายงานการศึกษาวิจัยทางการแพทย์มีมากมายมหาศาล ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามเป็นอย่างยิ่ง คอลัมน์นี้ได้สรุปรายงานการศึกษาที่น่าสนใจที่ลงในวารสารทางการแพทย์ที่ผ่าน peer review มาให้สมาชิกทราบ แต่ข้อพึงระวังคือ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่มีการรายงานการศึกษาจะมีความถูกต้องเป็น สัจจะ เพราะไม่มีอะไรถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ในทางการแพทย์ ความรู้ ความเชื่อ ณ วันนี้อาจได้การยอมรับ แต่ความรู้ใหม่ๆ ในวันหน้าก็สามารถลบล้างความรู้ ความเชื่อในวันนี้ได้เช่นกัน.

Warfarin vs. aspirin ในการป้องกัน stroke
Mant J et al. Warfarin versus aspirin for stroke prevention in an elderly community population with atrial fibrillation (the Birmingham Atrial Fibrillation Treatment of the Aged Study, BAFTA): a randomized controlled trial. Lancet 2007:370:493-503.

ผู้สูงวัยอายุ 75 ปี ขี้นไปร้อยละ 12 มี atrial fibrillation จึงเสี่ยงต่อ stroke. Warfarin เป็นยา ป้องกันการแข็งตัวของเลือดที่ใช้ดีมากใน stroke แต่ก็ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออก. ส่วนยาอีกประเภทคือ ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น aspirin เป็นยาที่ป้องกันได้ด้อยกว่า warfarin แต่ปลอดภัยกว่า. งานวิจัยนี้จึงต้องการเปรียบเทียบว่าเมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ยาขนานใดให้ผลในการป้องกัน stroke ได้ดีกว่า.

การศึกษานี้มีผู้สูงวัยอายุ 75 ปีขึ้นไป 973 คน อายุเฉลี่ย 81.5 ปี ที่มีภาวะ arrhythmia สุ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้ warfarin ในขนาดที่ทำให้ international normalised ratio (INR, ซึ่ง เป็นดัชนีชี้วัดการแข็งตัวของเลือดเหมาะสมหรือไม่) อยู่ระหว่าง 2-3. กลุ่มที่สองได้ aspirin 75 มก./วัน จากนั้นติดตามผู้ป่วยเป็นเวลาเฉลี่ย 2.7 ปี ตัวชี้วัดผลหลักคือ การตายและพิการจาก stroke (รวมสาเหตุจากหลอดเลือดตีบตันและแตก) ภาวะเลือดออกในสมอง หรือมีอาการทางคลินิกของ atrial embolism ชัดเจน.

ผลการศึกษา พบว่ากลุ่ม warfarin เกิด stroke 21 ราย เลือดออกในสมอง 2 ราย และ systemic embolus 2 ราย ส่วนกลุ่ม aspirin มี stroke 44 ราย เลือดออกในสมอง 1 ราย และ systemic emboli 2 ราย คิดเป็นความเสี่ยงต่อปีในกลุ่ม warfarin 1.8% และกลุ่ม aspirin 3.8% (relative risk reduction 0.48, absolute reduction ต่อปี 2%) และความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกนอกสมอง ต่อปี 1.4% ในกลุ่ม warfarin และ 1.6% ในกลุ่ม aspirin.

สรุป เมื่อเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียแล้ว warfarin มีประสิทธิผลในการป้องกัน stroke ในผู้สูงอายุที่มี arrhythmia ดีกว่า aspirin.


ผู้ป่วย arrest ในโรงพยาบาล ได้รับ defibrillation เร็วแค่ไหน
Chan PS. et al. Delayed time to defibrillation after in-hospital cardiac arrest. N Engl J Med 2008;358:9-17.

ในสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีภาวะหัวใจหยุดเต้นและต้องได้รับการกู้ชีพปีละ 4-7 แสนคน และน้อยกว่าร้อยละ 30 ที่รอดชีวิตจนได้กลับบ้าน. สาเหตุหลักของภาวะหัวใจหยุดเต้นคือ ventricular fibrillation และ pulseless ventricular tachycardia. ข้อแนะนำการกู้ชีพเมื่อหัวใจหยุดเต้นจาก ventricular arrhythmia คือ การ defibrillation ภายใน 2 นาที งานวิจัยนี้ศึกษาว่าการปฏิบัติจริงในสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างไรและมีผลการอยู่รอดเป็นอย่างไร.

การศึกษานี้เก็บข้อมูลผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นจาก ventricular arrhythmia และ pulseless ventricular tachycardia จำนวน 6,789 คน จากโรงพยาบาล 369 แห่ง ที่ร่วมกันทำทะเบียนกู้ชีพผู้ป่วย การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการ defibrillation ช้ากับการอยู่รอดชีวิต.

ผลการศึกษา พบว่าเวลาเฉลี่ยผู้ป่วยก่อนได้รับ defibrillate นาน 1 นาที ผู้ป่วยที่เข้าข่ายได้รับ defibrillation ช้ามีร้อยละ 30 (2,045 ราย). ปัจจัยเสี่ยงต่อการได้รับ defibrillation ช้า คือเป็นคนผิวดำ เข้านอนในโรงพยาบาลด้วยการวินิจฉัยด้วยโรคอื่นที่ไม่ใช่โรคหัวใจ อยู่ในโรงพยาบาลขนาดเล็กกว่า 250 เตียง อยู่ในแผนกที่ขาดการเฝ้าระวังเหตุในช่วงเวลา 5 โมงเย็น ถึง 8 โมงเช้า หรือช่วงวันเสาร์-อาทิตย์. สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับ defibrillation ช้ามีโอกาส รอดชีวิตเมื่อจำหน่ายจากโรงพยาบาลน้อยกว่าคนที่ได้รับ defibrillation ในเวลา 2 นาที (22.2% vs. 39.3%)

สรุป ผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นแล้วได้รับ defibrillation ช้า เป็นกรณีที่พบบ่อยในโรงพยาบาล และผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสอยู่รอดน้อยกว่าผู้ป่วยที่ได้รับ defibrillation ทันเวลา.

วิชัย เอกพลากร พ.บ.,
รองศาสตราจารย์, ศูนย์เวชศาสตร์ชุมชน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • ยาและวิธีใช้
  • คุยสุขภาพ
  • ดูแลสุขภาพ
  • เก็บสาระจากวารสารต่างประเทศ
  • aspirin
  • stroke
  • Warfarin
  • รศ.นพ.วิชัย เอกพลากร
  • อ่าน 20,632 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <