Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ถาม-ตอบผ่าน website
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ถาม-ตอบผ่าน website

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 พฤษภาคม 2550 00:00


เด็กฟันไม่ขึ้น
Q อยากทราบว่าเด็กอายุ 10 เดือนแล้ว ยังไม่มีฟันขึ้นเลย จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ครับ

วรวิทย์ อึ้งภูริเสถียร

A โดยทั่วไป ฟันน้ำนมในเด็กจะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 6 เดือน และฟันบนจะขึ้นช้ากว่าฟันล่าง ราว 1-2 เดือน ฟันคู่แรกที่จะขึ้นได้แก่ ฟันตัดกลางคู่หน้าล่าง และต่อมาเป็นฟันตัดคู่หน้าบนและฟันตัดข้าง เมื่อมีฟันขึ้นแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดฟันให้เด็กอย่างน้อยวันละสองครั้ง โดยเช็ดทั้งด้านหน้าและด้านในของตัวฟัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กก่อนที่จะฝึกแปรงฟันต่อไป. สาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมขึ้นช้ากว่าปกติหรือไม่มีฟันขึ้น ได้แก่ โรคทางพันธุกรรมบางชนิด หรือการไม่มีหน่อฟัน ฟันที่ขึ้นช้ากว่าปกติไม่มาก จะไม่มีปัญหาอะไรนอกจากทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ไม่ดีนัก แต่ถ้าฟันขึ้นเร็วไป ต้องทำความสะอาดให้ดีมิฉะนั้นอาจมีฟันผุได้ จากคำถามที่ถามมา แนะนำให้รอจนถึงอายุ 1 ปี ถ้าฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ค่ะ.

สุภานันท์ สุวรรณธรรมา ทพ.บ.
ทันตแพทย์


แว่นตากับปัญหาสายตาสั้น
Q
คนสายตาผิดปกติควรเปลี่ยนแว่นบ่อยแค่ไหน และการเปลี่ยนแว่นไปเปลี่ยนตามร้านแว่น จะปลอดภัยหรือไม่

รัชดาภรณ์ ตันติมาลา

A โดยทั่วไปคนที่มีปัญหาสายตาผิดปกติที่ใช้แว่นตาหรือคอนแท็กเลนส์อยู่ ควรได้มีโอกาสตรวจตาและวัดระดับสายตาปีละ 1 ครั้ง หรืออย่างน้อย เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามองเห็นภาพไม่ค่อยชัด มีอาการปวดตา ปวดศีรษะ หรือมึนศีรษะเวลาใช้แว่นตานั้น แสดงว่าสายตาเราเปลี่ยนจากเบอร์แว่นตาแล้ว ควรไปรับการตรวจระดับสายตาใหม่ เพื่อเปลี่ยนแว่นตาให้ตรงกับสายตาจริง จะทำให้การมองเห็นภาพชัดขึ้น และไม่มีอาการปวดตา.

การเปลี่ยนแว่นสำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสายตา อาจไปตรวจวัดระดับสายตาตามร้านแว่นตาได้ เมื่อร้านแว่นได้ค่าสายตาจากการตรวจด้วยเครื่อง จะต้องมีการทดลองเบอร์แว่นทีละตาให้มองว่าเห็นชัดเจนหรือไม่ และต้องให้ทดลองมองพร้อมกันทั้ง 2 ตา อย่างน้อย 5 นาทีว่ามองเห็นภาพชัด ไม่งง เดินได้ไม่รู้สึกว่าพื้นหรือบันไดสูงๆต่ำๆ จึงสั่งตัดแว่น และควรให้ร้านจดเบอร์แว่นที่ทดลองไว้ให้ด้วย เมื่อไปรับแว่น ควรทดลองก่อนรับว่าใส่ได้เหมือนตอนแว่นทดลองหรือไม่ ถ้ามองไม่ชัดหรือใส่แล้วงง ให้แจ้งร้านแว่นทันที และอาจตรวจสอบแว่นกับเบอร์ทดลองที่จดไว้ที่ร้านแว่นหรือกับจักษุแพทย์ว่าเบอร์ตรงกันหรือไม่ จะทำให้ได้แว่นที่พอดีกับตาของเรามากที่สุด.

ยกเว้นในกรณีเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ห้ามไปวัดสายตากับร้านแว่น เพราะโดยธรรมชาติของเด็กจะมีการเพ่งสายตามากกว่าปกติอยู่เป็นประจำ. ดังนั้นในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จึงจำเป็นต้องหยอดยาลดการเพ่งก่อนวัดสายตา เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งไม่สามารถหยอดได้ที่ร้านแว่นตา จึงควรวัดสายตาประกอบแว่นกับจักษุแพทย์เท่านั้น และที่สำคัญในเด็กอายุต่ำกว่า 10-12 ปี ยังเป็นช่วงเวลาที่ประสาทตามีการพัฒนาอยู่ ซึ่งเด็กจำเป็นต้องมองเห็นภาพชัดเจนที่สุด เพื่อกระตุ้นพัฒนาการของระบบประสาทตา. การใส่แว่นผิดเบอร์ในช่วงก่อนอายุ 10-12 ปีจะทำให้เด็กเสียโอกาสในการพัฒนาประสาทตา และเกิดความพิการทางตาอย่างถาวรจากโรคตาขี้เกียจ (amblyopia หรือ lazy eye) ซึ่งเมื่อโตขึ้น แม้จะใส่แว่นตาก็จะไม่สามารถมองเห็นชัดเป็นปกติได้.

ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.
จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                                     
โรคมะเร็งตับ
Q
อยากทราบว่าโรคมะเร็งตับมีทางรักษาหายได้หรือไม่ และมีวิธีการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดได้หรือไม่

ปิยะดา พูลสวัสดิ์

A สำหรับโรคมะเร็งตับ หมายความถึง มะเร็งจากเซลล์ตับ ที่เรียกว่า hepatocellular carcinoma ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย เช่น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และภาวะตับแข็ง. สำหรับโรคนี้ ในปัจจุบัน โอกาสที่จะหายขาดได้มีอยู่ด้วยกัน 2 ทาง คือการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกไป หรือการผ่าตัดเปลี่ยนตับในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ โดยทั่วไปศัลยแพทย์จะพิจารณาว่าก้อนมะเร็งนั้น สามารถตัดออกได้หรือไม่เป็นลำดับแรก ซึ่งก่อนผ่าตัดศัลยแพทย์จะประเมินสภาพการทำงานของตับ และความแข็งแรงของร่างกายคนไข้เสียก่อน รวมทั้งประเมินว่าหลังจากผ่าตัดแล้ว เนื้อตับส่วนที่เหลือจะทำงานได้พอหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอ ก็จะประเมินว่ามีข้อบ่งชี้ในการรับการรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนตับหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็ต้องใช้การรักษาวิธีอื่นๆ.

การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดมีหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่อาศัยหลักการของการทำลายเนื้อมะเร็ง โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (radiofrequency ablation) หรือการใช้ความเย็น (cryoablation) หรือสารเคมี (absolute alcohol injection) บางชนิด และอีกวิธีคือการใช้สารหรือยาเคมีบำบัดไปอุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง (transarterial oily chemoembolization) โดยทั่วไปได้ผลไม่ดีนัก. บางรายใช้เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ เพื่อให้เล็กลงและสามารถผ่าตัดได้ภายหลัง วิธีเหล่านี้ถึงแม้ไม่ได้ช่วยให้ผู้ป่วยหายขาด แต่สามารถลดอาการของก้อนมะเร็งและช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ข้อเสียคือต้องทำหลายครั้งและต่อเนื่อง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกับการผ่าตัด.

วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ.
ศัลยแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • โรคเรื้อรัง
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • แม่และเด็ก
  • มะเร็ง
  • คุยสุขภาพ
  • ถาม-ตอบผ่าน website
  • โรคมะเร็งตับ
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์
  • พญ.สุภานันท์ สุวรรณธรรมา
  • อ่าน 4,305 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <