Disclaimer : รายงานการศึกษาวิจัยทางการแพทย์มีมากมายมหาศาล ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามเป็นอย่างยิ่ง คอลัมน์นี้ได้สรุปรายงานการศึกษาที่น่าสนใจที่ลงในวารสารทางการแพทย์ที่ผ่าน peer review มาให้สมาชิกทราบ แต่ข้อพึงระวังคือ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่มีการรายงานการศึกษาจะมีความถูกต้องเป็นสัจจะ เพราะไม่มีอะไรถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ ในทางการแพทย์ ความรู้ ความเชื่อ ณ วันนี้อาจได้การยอมรับ แต่ความรู้ใหม่ๆ ในวันหน้าก็สามารถลบล้างความรู้ ความเชื่อในวันนี้ได้เช่นกัน.
วิชัย เอกพลากร พ.บ., Ph.D.
รองศาสตราจารย์, ศูนย์เวชศาสตร์ชุมชน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล
Folic acid ช่วยให้ผู้สูงอายุสมองดีขึ้น
Durga J, et al. Effect of 3-year folic acid supplementation on cognitive function in older adults in the FACIT trial : a randomised, double blind, controlled trial. Lancet 2007;369:208-16.
ความสามารถทางสมองของมนุษย์ลดลงเมื่ออายุมากขึ้นโดยเฉพาะด้านความไวในการคิดอ่าน และความจำ ซึ่งความสามารถสมองที่ลดลงนี้ นอกจากเรื่องอายุแล้ว มีสาเหตุที่เกี่ยวข้องอื่นอีกหลายปัจจัย แต่การศึกษาที่ผ่านมาก็ยังไม่มีข้อสรุป. ปัจจัยหนึ่งที่ได้รับความสนใจคือภาวะที่ระดับ folate ในร่างกายต่ำนั้น ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน. การศึกษาในประเทศเนเธอร์แลนด์นี้ (ชื่อย่อ FACIT) เลือกศึกษาในผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการกิน folic acid คือคนที่มีระดับ homocysteine สูงกว่า 13 และไม่เกิน 26 ไมโครโมล/ลิตร. ผู้เข้าร่วมการศึกษามีอายุ 50-70 ปี จำนวน 818 คน สุ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ folic acid วันละ 800 ไมโครกรัม และอีกกลุ่มได้ยาหลอก เป็นเวลานาน 3 ปี. ตัวชี้วัดคือ การวัดความสามารถทางสมองในการคิด ความจำ ความไวในการประมวลข้อมูล และความคล่องการใช้คำ เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการศึกษา.
ผลการศึกษา ระดับ folate ในร่างกายในกลุ่มได้ยา folic acid เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 576% ส่วนระดับ homocysteine ลดลง 26% มีความสามารถทางสมองดีขึ้น. ในด้านความจำ และความไวในการประมวลข้อมูลมากกว่ากลุ่มควบคุมเล็กน้อยแต่มีนัยสำคัญทางสถิติ. ส่วนความไวในการตอบสนองของประสาทสัมผัสนั้นไม่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มอย่างชัดเจน.
ข้อสรุป การกินยาเสริม folic acid ทำให้ความสามารถทางสมองดีขึ้น แม้ว่าอายุมากขึ้นก็ตาม.
การศึกษานี้มีข้อจำกัดที่เลือกศึกษาเฉพาะคนที่ homocysteine สูง ซึ่งผลของ folic อาจต่างไปเมื่อใช้ในคนที่มี homocysteine ต่ำกว่านี้. การศึกษานี้ทำให้สงสัยว่า folic acid มีส่วนช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมในคนเป็น alzheimer ได้หรือไม่.
Acute cholecystitis ควรผ่าตัดถุงน้ำดี ทันทีหรือไม่
Stevens KA, et al Immediate laparoscopic cholecystectomy for acute cholecystitis : no need to wait. Am J Surg 2006 Dec;192(6):756-61.
โดยปกติการรักษาผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน มักทำโดยการผ่าตัดถุงน้ำดีที่อักเสบออกภายหลังจากที่ได้รักษาภาวะอักเสบของถุงน้ำดีให้ทุเลาก่อน. แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มในการผ่าตัดในขณะที่ยังมีการอักเสบเฉียบพลันอยู่ โดยวิธีการผ่าตัดทางกล้องมากขึ้น. แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการวิจัยเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างการผ่าตัดทันทีหรือผ่าตัดภายหลัง.
การศึกษานี้ Stevens และคณะ ทบทวนรายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยอริโซนา ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2546 วิเคราะห์เปรียบเทียบผลระหว่างผู้ป่วย 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีการผ่าตัดทันที (ภายใน 24 ชั่วโมง) จำนวน 132 คน และพวกที่นัดมาผ่าตัดภายหลัง (หลัง 24 ชั่วโมง) 121 คน โดยผู้ป่วยที่ไม่รวมอยู่ในการศึกษาคือ มีการอุดตันของทางเดินน้ำดี ตับอ่อนอักเสบ และมีภาวะโรคอื่นร่วมด้วย. ตัวชี้วัดผลคือ อาการผู้ป่วยภายหลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง ระยะเวลารักษาในโรงพยาบาลภาวะแทรกซ้อน.
ผลการศึกษา ผู้ป่วย 253 คน ในการศึกษานี้ มีอายุเฉี่ย 40 ปี ดัชนีมวลกายเฉลี่ย 30 กก./ ตร.ม. เมื่อเปรียบเทียบการผ่าตัด พบว่าใช้เวลาในการผ่าตัดนานไม่แตกต่างกัน. อัตราการเปลี่ยนผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ภาวะแทรกซ้อน ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น ไปทำให้ท่อน้ำดีรั่ว การอักเสบติดเชื้อ ฝีในท้อง ileus พบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม มีเพียงปัจจัยเดียวที่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มก็คือ ระยะเวลารักษาในโรงพยาบาล พบว่ากลุ่มที่ผ่าตัดภายหลัง 24 ชั่วโมงมีระยะเวลาอยู่โรงพยาบาลนานกว่า.
โดยสรุป การผ่าตัดถุงน้ำดีขณะเฉียบพลันทันทีนั้น มีความปลอดภัยและระยะเวลาพักในโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดภายหลัง.
ข้อจำกัดของการศึกษานี้คือ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง ไม่ใช่ได้จากการทดลองเปรียบเทียบแบบ randomized control trial จึงอาจมีข้อจำกัดว่ากลุ่มทั้งสองที่เปรียบเทียบกันไม่ได้ดีเพียงพอ. นอกจากนี้การเลือกตัวอย่างได้จากการทบทวนการวินิจฉัยที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้.
- อ่าน 8,107 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้