Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » การใช้ยาบำรุงในหญิงตั้งครรภ์
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การใช้ยาบำรุงในหญิงตั้งครรภ์

โพสโดย somsak เมื่อ 1 พฤษภาคม 2549 00:00

ถาม   :  หญิงที่มาฝากครรภ์ ควรได้รับยาบำรุง ชนิดใดบ้าง เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ตัวอย่างเช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, กรดโฟลิก, วิตามินรวม และมีวิธีการเลือกใช้อย่างไร.

 

                                                                                                                   จำลอง กิตติธรรมโม พ.บ.

 

ตอบ   :   หญิงที่มาฝากครรภ์ควรได้รับยาบำรุงในขณะตั้งครรภ์เพื่อช่วยเสริมสร้างและทดแทนส่วนที่ต้องนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และสำหรับตัวของมารดาเอง. ในการเตรียมตัวในขณะตั้งครรภ์และภายหลังการคลอดโดยเฉพาะการสร้างน้ำนมเพื่อให้มีคุณค่าทางอาหารที่เหมาะสมต่อไป ยาหรือวิตามินที่จำเป็นต้องให้แก่หญิงตั้งครรภ์ ประกอบด้วย

1. ธาตุเหล็ก เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ความต้องการธาตุเหล็กมีเพิ่มมากขึ้น โดยทั่วไปจะมี การส่งธาตุเหล็กจากมารดาสู่ทารกและรกประมาณ 300 มก.ของธาตุเหล็ก และมารดาต้องการธาตุเหล็กอีกประมาณ 500 มก. เพื่อช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงในขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นมารดาจะต้องได้รับธาตุเหล็ก(iron element) ประมาณ 7 มก./วัน. ซึ่งธาตุเหล็กที่จำหน่ายในท้องตลาดจะเป็นธาตุเหล็กที่เป็นส่วนประกอบแตกต่างกันไป (iron compound) ขึ้นอยู่ กับแต่ละชนิดของยา. ยกตัวอย่างเช่น ferrous fumarate ซึ่งเป็นส่วนประกอบของธาตุเหล็กที่แตกตัวให้ธาตุเหล็กได้ดีที่สุดคือ ประมาณร้อยละ 33 ในขณะที่เมื่อเรากินธาตุเหล็กผ่านเข้าไปในทางเดินอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมธาตุเหล็กเข้าไปได้ประมาณร้อยละ 10. ดังนั้นในแต่ละวันมารดาควรได้รับส่วนประกอบของธาตุเหล็กชนิด ferrous fumarate อย่างน้อยวันละ 200 มก. เพื่อที่จะได้ธาตุเหล็กที่เพียงพอวันละ 7 มก. ตามทฤษฎีถ้าส่วนประกอบของธาตุเหล็กเป็นชนิดอื่นๆ ก็ควรให้เพียงพอ ตามความต้องการขึ้นอยู่กับการแตกตัวให้ธาตุเหล็กของแต่ละส่วนประกอบของธาตุเหล็กไป ในขณะที่ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ความต้องการธาตุเหล็กยังมีน้อยอยู่ อาจไม่จำเป็นต้องให้ธาตุเหล็กเสริมในระยะเวลา 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะแทนที่จะมีประโยชน์อาจเป็นผลทำให้มารดามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รุนแรงขึ้นได้จากผลข้างเคียงของธาตุเหล็ก. ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าธาตุเหล็กจำเป็นต้องให้ในมารดาที่ตั้งครรภ์ โดยให้ได้เป็นธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 7 มก. โดยอาจไม่จำเป็นในระยะ 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์.

 

2. กรดโฟลิก เป็นสารที่มีความจำเป็นสำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์ และก่อนการตั้งครรภ์ ถ้ามารดาได้รับกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ จะสามารถป้องกันการเกิด neural tube defect ได้.  โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาจะแนะนำให้หญิงที่จะตั้งครรภ์กินกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์เป็นเวลานานเป็นเดือนๆ. ขณะเดียวกันกรดโฟลิกยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงของมารดาในขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้จาก American College of Obstetrician and Gynecologist  ให้มารดาก่อนตั้งครรภ์และขณะตั้งครรภ์ได้รับกรดโฟลิกเสริม โดยควรได้รับกรดโฟลิกอย่างน้อยวันละ 4 มก. เนื่องจากกรดโฟลิกที่ได้รับจากอาหารอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของมารดา.

 

3. แคลเซียม พบว่ามารดาต้องการแคลเซียมประมาณ 30 กรัม เพื่อให้แก่ทารกในครรภ์ ซึ่งในปริมาณนี้ของแคลเซียมคิดเป็นร้อยละ 2.5 ของแคลเซียมทั้งหมดของมารดาโดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนประกอบในกระดูกของมารดา ซึ่งปริมาณแคลเซียมที่มารดาต้องการอาจได้รับจำนวนเพียงพอจากอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน. ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้แคลเซียมทดแทนแก่มารดาในขณะตั้งครรภ์ แต่ในมารดาที่มีอาการตะคริวขณะตั้งครรภ์อาจต้องให้แคลเซียมแก่มารดาเพื่อช่วยลดการเกิดตะคริวขณะตั้งครรภ์ได้ ดังนั้นการจะให้แคลเซียมเสริมในมารดาขณะตั้งครรภ์จึงควรดูเป็นรายๆ ไป.


4. วิตามินรวม โดยทั่วไปในมารดาที่ไม่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ปัญหาการดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ (malabsorption) หรือปัญหาการขาดอาหาร (malnutrition) จะได้รับวิตามินที่เพียงพอแล้วจากการกินอาหารที่ครบหมู่ในแต่ละวัน จึงไม่จำเป็นต้องให้วิตามินรวมเสริมให้แก่มารดาขณะตั้งครรภ์ แต่ถ้าแพทย์ท่านใดจะให้วิตามินรวมแก่มารดาขณะตั้งครรภ์ก็ไม่เป็นข้อห้ามในเวชปฏิบัติทั่วไป.

 

เอกสารอ้างอิง 
 1. Cunningham FG, Leveno KJ, Bloom SL, Hauth JC, Gilstrap LC III, Wenstrom KD. Williams Obstetrics.  22nd ed. New Yourk : McGraw-Hill, 2005:201-29.

 

อภิชาติ จิตต์เจริญ พ.บ.,ศาสตราจารย์ภาควิชาสูติ-นรีเวชวิทยา,คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 สุรางค์ เจียมจรรยา พ.บ. ศาสตราจารย์, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี,มหาวิทยาลัยมหิดล

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • แม่และเด็ก
  • การตั้งครรภ์
  • คุยสุขภาพ
  • ปัญหาวิชาการ
  • ศ.นพ.อภิชาติ จิตต์เจริญ
  • ศ.พญ.สุรางค์ เจียมจรรยา
  • อ่าน 37,795 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <