Q : อยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้เลนส์สัมผัสกรณีสายตาสั้นค่ะ
สมาชิก
A : เลนส์สัมผัสหรือที่เรียกกันติดปากว่า contact lens เป็นแผ่นพลาสติกใสๆ บางๆ เป็นแผ่นกลมรูปกะทะเพื่อใช้แก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ได้แก่ ตาสั้น ตายาว และตาเอียง โดยปะวางที่ตาดำ.
ปัจจุบันเลนส์สัมผัสมีจุดประสงค์การใช้ 3 ประการ คือ
1. เพื่อแก้ไขสายตาที่ผิดปกติ ทดแทนแว่นสายตาเป็นจุดประสงค์หลักที่ใช้กันมากที่สุด.
2. ใช้รักษาโรคกระจกตาบางชนิดเป็นการใช้ชั่วคราวเมื่อโรคกระจกตานั้นหายก็เลิกใช้.
3. ใช้เพื่อความสวยงาม เพื่อเปลี่ยนสีดวงตา หรือเพื่อปิดฝ้าขาวบริเวณตาดำ.
ข้อจำกัดของเลนส์สัมผัสคือ ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนเหมือนแว่นสายตาโดยผู้ที่ไม่เหมาะสมจะใช้เลนส์สัมผัสได้แก่
1. ผู้ที่มีปัญหาตาแห้งมาก.
2. ผู้ที่มีปัญหาเปลือกตาอักเสบเรื้อรังจะทำให้ไม่สบายตา.
3. มีกระจกตาผิดปกติ.
4. เป็นภูมิแพ้ เพราะผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ อาจจะเกิดการแพ้ต่อสารที่ทำเลนส์หรือแพ้น้ำยาที่ใช้กับเลนส์ .
5. มีโรคเรื้อรังทางร่างกาย เช่น โรคไทรอยด์ที่มีตาโปน เพราะจะทำให้มีปัญหาตาแห้งมาก.
6. ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต มีความกังวลมาก.
7. ผู้ป่วยที่มีโรคข้อมือ มีมือสั่นจากโรคทางสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน ทำให้จับต้องเลนส์สัมผัสไม่ได้ดี.
ข้อแนะนำในการปฏิบัติตนในการใช้เลนส์สัมผัส คือ
1. ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเลนส์สกปรกมีเชื้อโรคก็เท่ากับนำเชื้อโรคไปใส่ในตา อาจทำให้กระจกตาอักเสบและตาบอดได้.
2. ใช้เลนส์ตามระยะเวลา เช่นเลนส์ที่มีอายุ 2 สัปดาห์ก็ควรใช้แค่ 2 สัปดาห์ไม่ควรใช้เกินกว่านั้น ที่สำคัญห้ามใส่เลนส์สัมผัสนอนเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงที่กระจกตาได้.
3. ตาที่ใส่เลนส์สัมผัสอยู่จะได้รับออกซิเจนน้อยลงเสมอ ถ้าใส่เลนส์ไม่นานเกินไปก็จะเป็นการขาดออกซิเจนของตาดำที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายมาก นัก จึงควรใส่น้อยชั่วโมงที่สุด เพื่อมีเวลาให้ตาได้พัก ควรมีแว่นไว้ใช้เวลาพักตาจากเลนส์สัมผัสด้วย.
4. ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบเลนส์อย่างเคร่งครัด.
5. การทำความสะอาดเลนส์ ต้องทำอย่างเคร่งครัดประกอบด้วยการทำความสะอาด ล้างฆ่าเชื้อและการเก็บ (cleaning, rinsing, disinfecting and storage). หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเกลือซึ่งเทถ่ายจากขวดใหญ่ โดยคิดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากกระบวนการถ่ายเทน้ำเกลือ อาจทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนได้ น้ำยาที่แช่เลนส์ต้องเททิ้งทุกครั้ง.
6. หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บตา ตาแดง ตาพร่ามัว ควรถอดเลนส์ออกและปรึกษาจักษุแพทย์ทันที.
ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้