ถาม : ในปัจจุบันการตรวจเลือดเพื่อดูแนวโน้มของมะเร็ง ตรวจอะไรบ้าง เช่น prostate specific antigen, alkaline phosphatase, alfa fetoprotein เป็นต้น และการแปลผลด้วย.
สมาชิก
ตอบ : เข้าใจว่าผู้ถามคงหมายถึงการตรวจหา serum tumor marker ซึ่งเป็นสารที่ผลิตจากเซลล์ที่ มีความผิดปกติ โดยอาจจะเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่ก็ได้ เซลล์ปกติเองก็สามารถผลิตสารเหล่านี้ได้บ้างเช่นกัน และอาจตรวจพบได้เมื่อเซลล์มีการถูกทำลาย แต่มักมีระดับไม่สูงมากในเลือด ตัวอย่าง serum tumor marker ที่สามารถตรวจหาได้ในปัจจุบัน เช่น PSA (prostate specific antigen), CEA (carcinoembryonic antigen), AFP (alfa fetoprotein) เป็นต้น. สารเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วไม่มีความจำเพาะต่อมะเร็งที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งโดยเฉพาะ ดังนั้นการแปล ผลค่า serum tumor marker ที่ผิดปกติไปนั้นโดยเฉพาะในประชากรปกติที่ไม่มีประวัติมะเร็งมาก่อน ขึ้นอยู่กับว่ามีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดค่าผลบวกลวงด้วยหรือไม่. เนื่องจากข้อจำกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วการตรวจ serum tumor marker เพื่อหวังจะคัดกรองหามะเร็งระยะเริ่มแรก (cancer screening) นั้นจึงไม่แนะนำให้ทำ ยกเว้นในบางกรณีที่เป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อมะเร็งบางชนิดเท่านั้น เช่นในผู้ป่วยที่ เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี และซี ซึ่งมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้สูงมากนั้น ควรตรวจหา alfa-fetoprotein ร่วมกับการทำ ultrasound liver เป็นระยะๆ หรือในรายที่มีประวัติครอบครัวของมะเร็งรังไข่และ/หรือมะเร็งเต้านมหลายคน ซึ่งอาจเป็น familial breast ovarian cancer syndrome ให้พิจารณาตรวจค่า CA125 ร่วมกับการทำ transvaginal ultrasound เพื่อเฝ้าระวังมะเร็งรังไข่ได้ เป็นต้น. ประโยชน์ของ serum tumor marker นั้นส่วนใหญ่จะมีในผู้ป่วยที่ทราบว่าเป็นมะเร็งแล้ว โดยใช้เพื่อติดตามผลการรักษาว่าได้ผลหรือไม่ (ร่วมกับการตรวจพิเศษอื่นๆ) หรือเฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำ (recurrence) ของโรคเท่านั้น และไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ในการตรวจคัดกรอง (cancer screening) หรือวินิจฉัยโรคมะเร็งโดยทั่วไปแต่อย่างใด.
เอกสารอ้างอิง
1. Bates S, Longo D. Use of serum tumor markers in cancer diagnosis and management. Seminars in Oncology 1987;14(2):102-38.
2. Bates S. Clinical applications of serum tumor markers. Annals of Intern Medicine 1991;115:623-38.
3. Perkins G, Slater E, Sanders G, Prichard J. Serum tumor markers. American Family Physician 2003;68(6):1075-82.
ธิติยา สิริสิงห พ.บ.,ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
สุรางค์ เจียมจรรยา พ.บ. ศาสตราจารย์, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
รามาธิบดี,มหาวิทยาลัยมหิดล
- อ่าน 2,199 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้