ถาม : อยากทราบว่าจะวินิจฉัยผู้ป่วยหูอักเสบจากเชื้อราได้อย่างไร และให้การรักษาอย่างไร.
พิมมาดา พ.บ.
ตอบ : หูชั้นนอกอักเสบจากเชื้อรา (otomycosis) พบได้บ่อยพอควรโดยมักจะมีพยาธิสภาพบริเวณช่องหู (ear canel) และเยื่อแก้วหู (tympanic membrane). เชื้อราที่พบบ่อย คือ Aspergillus และ Candida
Otomycosis มี 3 ชนิด คือ
¾ Non-pathogenic colonization พบได้ในผู้ป่วยที่ทำผ่าตัด mastoidectomy เนื่องจาก self cleaning mechanism ของหูหลังผ่าตัดจะเปลี่ยนแปลงไป. ส่วนใหญ่เป็นเชื้อ Aspergillus โดยจะพบ hyphae ของเชื้อราอยู่บนขี้หู หรือ skin debris รักษาโดยการ clean หูให้สะอาด มักไม่ต้องให้ยา แต่ต้องเอาเชื้อราออกให้หมด.
¾ Superficial mycosis เป็นชนิดที่พบมากที่สุดของ otomycosis ซึ่งควรสงสัยในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะต่อไปนี้
1. ติดเชื้อในหูเรื้อรัง และมีการใช้ยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ ยาสตีรอยค์ เป็นเวลานาน.
2. พบมีเชื้อราในส่วนอื่นของร่างกาย.
3. ผู้ป่วยเบาหวาน.
4. ผู้ป่วยหูชั้นนอกอักเสบเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบปกติ หรือตอบสนองช่วงสั้นๆ และกลับเป็นซ้ำใหม่ โดยมีอาการมากขึ้น.
5. ผู้ป่วยมีโรคอื่น ซึ่งมีผลในการเปลี่ยนแปลงภาวะภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย. การตรวจร่างกายจะพบเชื้อราในช่องหู โดยเชื้อ Aspergillus มักเป็นสีออกดำ, น้ำตาล ส่วน Candida มักเป็นสีขาวคล้ายเนย (whitish cheesy material) มักไม่มีหนอง แต่ skin ของช่องหูมักมีลักษณะบวมแดง.
การรักษา ให้หยุดยาหยอดหูเดิม ทำความสะอาดหูเอาเชื้อราออกให้หมด ให้ topical antifungal อาจเป็นชนิดครีมหรือยาหยอดหู เช่น mycostatin, ketoconazole. ในรายที่เป็นมากอาจให้ยากินร่วมด้วย โดยให้ยานานประมาณ 2 สัปดาห์ รวมทั้งรักษาเชื้อราในส่วนอื่นของร่างกาย, ขจัด predisposing factor ต่างๆ, ตรวจหาเบาหวานในกรณีที่ผู้ป่วยเป็น recurrent หรือ persistent otomycosis เป็นต้น.
¾ Invasive otomycosis พบได้น้อยโดยในผู้ป่วยเอดส์ หรือ fungal pneumonia. ผู้ป่วยจะปวดหูมากตรวจในหูพบ granulation tissue รักษาโดยให้ intravenous amphotericin B.
พิบูล วชิรลาภไพฑูรย์ พ.บ., โสต ศอ นาสิกแพทย์, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.,จักษุแพทย์, คณะแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- อ่าน 20,269 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้