Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » เรียนรู้อะไร ตอนไปใช้ทุน(ตอนที่ 2)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เรียนรู้อะไร ตอนไปใช้ทุน(ตอนที่ 2)

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2550 00:00

เวลาของการใช้ทุนของแพทย์เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญของชีวิตแพทย์..... บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการไปใช้ทุนในชนบทของนักศึกษาแพทย์ และเป็นกำลังใจแก่แพทย์จบใหม่ที่กำลังทำงานอย่างหนัก ในโรงพยาบาลชุมชน


ชีวิตคนชนบท

พระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนกตอนหนึ่ง มีใจความว่า
"ฉันไม่ต้องการให้เธอเป็นเพียงแพทย์ แต่ฉันต้องการให้เธอเป็นคนด้วย"Ž
ผมเคยคิดว่าผมเข้าใจความหมายของประโยคนี้ แต่แล้ว ผมพบว่าผมไม่ได้เข้าใจความหมายที่ว่านี้จริงๆ จนวันที่ได้ไปเริ่มงานครั้งแรกหลังจบการศึกษาแพทย์ในโรงพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่งในชนบท โรงพยาบาลที่เล็กจนรู้สึกว่าคงไม่ใช่ที่ที่จะเรียนอะไรได้ นอกจากเป็นที่ไปทำงานชดใช้ทุนให้ผ่านไปจนครบ 3 ปี. ผมไปพร้อมกับความคิดที่ว่าใช้ทุนครบจะได้กลับมาเรียนต่อเป็นศัลยแพทย์ตามที่ตนเองตั้งใจไว้

จังหวัดน่าน เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในอ้อมกอดของหุบเขา ไม่ใช่ทางผ่านไปเมืองไหนๆ จึงมีน้อยคนที่จะเข้าไป นอกเสียจากคนที่อยู่ที่นั่น หรือคนที่ต้องการไปเที่ยวธรรมชาติ ผมเริ่มต้นปีแรกของการเป็นแพทย์โดยเป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลบ้านหลวง เพียงปีเดียวความก้าวหน้าทางราชการก็มาหาผมเร็วมาก เพราะผมได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล เนื่องจากมีหมอคนเดียว อำเภอบ้านหลวงนับเป็นพื้นที่เดินทางลำบาก ไม่ค่อยเจริญ แต่น่าสนใจที่ว่า ความลำบากสำหรับคนหนุ่มกลับเป็นความท้าทายว่าผมจะอยู่ได้หรือเปล่า

ในแต่ละวันของการตรวจที่ผ่านไป ผมรู้ว่าผมใช้วิชาแพทย์ที่เรียนมาจากโรงเรียนแพทย์ไม่มากนัก เพราะความเจ็บป่วยที่ไม่ได้ซับซ้อน แต่ผมได้เรียนรู้ชีวิตผู้คนมากมาย ผ่านการตรวจรักษาในแต่ละวัน หลายชีวิตที่เหมือนตัวละครที่ไหลผ่านเข้ามา แต่มีชีวิตคนคนหนึ่งที่อาจไม่มีค่ากับใคร แต่อยากจะยกไว้มาเล่าสู่กันฟัง คือชีวิตของลุงแดง

ผมพบลุงแดงครั้งแรกที่ ER เมื่อลุงแดงหอบมากจากโรค Congestive heart failure หลังให้นอนโรงพยาบาลฉีดยาขับปัสสาวะ 3-4 วัน อาการก็ดีขึ้น กลับบ้านได้ ภารกิจของหมอคงหมดแค่นี้ แต่เมื่อผม discharge แล้วนัดให้ลุงแดงมาตรวจอีก 1 เดือน ทุกครั้งที่นัด ลุงแดงก็จะหายใจหอบมาที่ ER ทุกครั้ง ความรู้สึกหนึ่งของผมซึ่งเป็นหมอจบใหม่ก็ คือ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง คงจะไม่ได้กินยา หรือไม่ได้ทำตามที่แนะนำห้ามกินเกลือเยอะ แต่เมื่อผมถาม จึงได้ความว่า ทุกครั้งที่ลุงแดงมาตามนัด ต้องเดินมาไกล 7 กิโลเมตรเพราะไม่มีรถโดยสารจากหมู่บ้านมาโรงพยาบาล และไม่มีเงินพอจะเหมารถมา วันที่ผม discharge ลุงแดงกลับบ้าน ผมได้ให้คนขับรถของโรงพยาบาลขับไปส่งลุงแดงที่บ้าน เมื่อไปส่งบ่อยๆ ก็มีคนพูดมาเข้าหูว่าถ้าไปส่งผู้ป่วยที่บ้านอย่างนี้ทุกราย ก็แย่ซิหมอ ผมได้แต่นึกในใจว่า ไม่ใช่ทุกรายหรอก แต่เฉพาะคนที่ลำบากแบบลุงแดง ผมได้รับรู้ชีวิต ของลุงแดงว่า ลุงแดงอยู่กับป้าเบ้าซึ่งขาพิการ ลูกไปทำงานกรุงเทพฯ แล้วไม่ได้ส่งเงินมาให้ ลุงแดงต้องหาเงินโดยรับจ้างเลี้ยงควายแถวบ้าน มีอยู่มีกินอดมื้อกินมื้อตามอัตภาพ. ส่วนป้าเบ้า แกหกล้มใส่กองไฟ แต่เนื่องจากแผลที่ไม่ได้รักษา ผิวหนังก็เน่า แผลลึกถึงกระดูก จนไม่มีเนื้อปิดกระดูก ทำให้กระดูกเกิด osteomyelitis อีก ผมพยายามจะ refer ป้าเบ้าไปโรงพยาบาลจังหวัด แต่แกก็ไม่ยอมไป ผมก็ทำได้แค่ทำแผลไปเรื่อยๆ เมื่อได้รับรู้ชีวิตลุงแดงและป้าเบ้า ผมก็สะท้อนใจไม่น้อยว่าชีวิตคนเราช่างแตกต่างกันมากจริงๆ

มีครั้งหนึ่งที่ลุงแดงหายใจหอบมากมาโรงพยาบาล ลุงแดงเล่าว่าเมื่อคืนฝนตกหนักมาก ลมแรงพัดหลังคาบ้านซึ่งมุงจากปลิวไป ลุงแดงนอนหนาวอยู่ทั้งคืน จนเช้าจึงได้มาโรงพยาบาล ผมได้รวบรวมเงินบริจาคจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลายๆคน ช่วยเป็นค่าใช้จ่ายมุงหลังคาสังกะสีให้ลุงแดง ภายหลังผมยังได้หาเงินบริจาคซื้อจักรยานให้ลุงแดงใช้สำหรับเวลาที่มาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลด้วย

จากการได้เรียนรู้ชีวิตของลุงแดง ทำให้ผมได้คิดว่าคงมีอีกชีวิตคนอีกหลายคนที่ลำบากและถูก ทอดทิ้ง ผมจึงฝากให้พี่พยาบาลช่วยสำรวจว่ามีผู้สูงอายุคนไหนที่ถูกทอดทิ้งบ้าง แล้วผมก็ชวนพยาบาลตระเวนออกไปเยี่ยมให้กำลังใจ เอาอาหารแห้งไปมอบให้ ผมพบว่ามีกว่า 30 ครอบครัวที่ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังโดยไม่มีลูกหลานมาดูแล แม้ผมจะช่วยเหลืออะไรอีกไม่มาก แต่คงให้กำลังใจได้บ้าง และการไปเยี่ยมบ้านทำให้ผมได้เรียนรู้ชีวิตความทุกข์ของผู้คนอีกมาก

ผมทำงานอยู่ที่บ้านหลวง 2 ปี แล้วผมก็ย้ายไปที่โรงพยาบาลทุ่งช้าง ไม่นานผมได้รับทราบจากพยาบาลที่รู้จักกันว่า ลุงแดงเสียชีวิตแล้ว จากโรคที่แกเป็นอยู่ น้ำตาผมคลอเบ้าโดยไม่รู้สึกตัว รู้สึก หวิวๆที่คนที่เคยรู้จักได้จากไป การได้รู้จักลุงแดงและป้าเบ้า ทำให้ผมเปลี่ยนไป จากที่เคยเชื่อในประโยคที่ว่า "อย่าไปให้ปลาเขา แต่สอนให้เขาจับปลา" ผมกลับรู้สึกว่าในสังคมไทยมีคนทุกข์คนยากอีกหลายคนที่ไม่ว่าสอนอย่างไร เขาก็คงจับปลาเองไม่ได้ เป็นเพราะข้อจำกัดของเขาอย่างนั้น

ช่องว่างระหว่างคนในสังคมไทยเริ่มแยกห่างออกไป สังคมเมืองได้รุกล้ำและเบียดเบียนความเป็นชนบท คนรวยมีและใช้ทรัพยากรมาก แต่คนชนบทหลายคนแทบไม่มีจะกิน เราเชื่อและยึดถือในระบบทุนนิยมแบบตะวันตกที่ยึดหลักการแข่งขัน โดยเขาเรียนรู้จากประสบการณ์ในป่าแอฟริกาว่า "ถ้าไม่มีสิงโตที่คอยไล่กวด จะไม่มีกวางที่วิ่งเร็ว" กวางที่อยู่รอดคือกวางที่วิ่งเร็วที่สุด ส่วนตัวที่พิการก็จะถูกการคัดเลือกพันธุ์ตามธรรมชาติจัดการให้สูญหายไป นั่นคือหลักแห่งการพัฒนาของธรรมชาติ ชีวิตที่ผ่านมาเราถูกปลูกฝังให้เชื่ออย่างนั้น เราต้องแข่งขันตั้งแต่สอบเข้าชั้นประถม และเราก็พบว่าเมื่อคนอื่นคะแนนแย่กว่านั่นคือลำดับของเราจะดีขึ้น ดังนั้นเมื่อมีคนเรียนแย่ ก็เป็นเรื่องของเขา เราเอาตัวให้รอดก็พอ

หมอเองก็อยู่ในสายพานแห่งการผลิตเพื่อมาเป็นเครื่องจักรแห่งการแข่งขัน เราก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ถูกสอนให้เพิกเฉยและทอดทิ้งคนทุกข์คนยากเหล่านั้น และเอาตัวเราให้รอด บางครั้งเราจึงมักดูดายกับความเจ็บป่วยและความทุกข์ของผู้คนที่เข้ามาหาเรา ซึ่งดูเหมือนว่าในแต่ละวันที่ผ่านไปแม้ความรู้แห่งการเป็นหมอเราจะมากขึ้น แต่ความเป็นมนุษย์ของเราอาจจะลดน้อยลงทุกที

หลายครั้งเวลาออกตรวจ OPD ผมจะเห็นเด็กใส่เสื้อนักเรียนสีขมุกขมัว มันช่างแตกต่างกับเสื้อนักเรียนที่ผมเคยเห็นตอนวัยเด็กนัก ผมนึกถึงตัวเองว่าเราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาได้ใส่เสื้อสีขาวไปโรงเรียน ชีวิตไม่ลำบากนัก อะไรคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราแตกต่างกับเด็กเหล่านี้ ทำไมเราจึงมีมาก แล้วคนอื่นถึงมีน้อย ทำไมเราสบาย ในขณะที่อีกหลายคนยังลำบาก จำได้ว่าช่วงที่เรียนหนังสืออยู่ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองหลายคำถามว่า คนเรามีชีวิตเพื่ออะไร เป้าหมายของชีวิตคืออะไร เมื่อเห็นภาพเด็กหลายๆคนนี้ได้สัมผัสชีวิตผู้คนในชนบท ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างออก ฤาคนเราจะเกิดมาเพื่อเติมเต็มความเป็นมนุษย์ของเราให้สมบูรณ์ขึ้นในทุกๆวันที่ผ่านไป..... การได้ให้ซึ่งกันและกัน การรับรู้ความทุกข์ของผู้คนที่ไหลผ่าน ปล่อยให้ใจได้สัมผัสกับใจ น่าจะเป็นส่วนเติมเต็ม ความเป็นมนุษย์ของเราได้

เมื่อมีญาติหลายคนถามว่าทำไมผมถึงไม่กลับมาทำงานในกรุงเทพฯซึ่งเป็นบ้านเกิด เปิดคลินิกทำงานเอกชน หาเงินให้ได้มากมาก ผมได้แต่ตอบตัวเองในใจว่า ผมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น ตอนที่ผมจบจากโรงเรียนแพทย์ เคยอยากทำงานเอกชนหารายได้มากๆ ลึกๆในใจอยากซื้อรถบีเอ็มดับบลิวมาขับบ้างว่าจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อผมได้พบลุงแดง พบชีวิตของผู้คนในชนบท ผมก็พบว่าผมได้พบคำตอบสำหรับคำถามของผมด้วย รายได้ดูจะสำคัญน้อยกว่าการเติมเต็มความเป็นมนุษย์ในตัวของเรา และทำให้ผมได้เข้าใจความหมายของคำพูดที่ว่า

"ถ้าเราได้เห็นคนที่เขามีมากกว่าเรา
เราจะอิจฉา....อยากมีอย่างเขา
แต่ถ้าเราได้เห็นคนที่เขาลำบาก
ความอยากมีอยากได้ก็จะหายไป
เหลือแต่......ความอยากให้"


การไปทำงานในชนบทนอกจากจะได้ค้นพบชีวิตของผู้อื่นแล้ว ยังได้ค้นหาและค้นพบตัวตนของเราที่มีอยู่ภายในว่า ความจริงแล้ว เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีหัวจิตหัวใจ ที่จะมอบสิ่งดีๆให้แก่กัน โดยไม่ไหลตามไปกับกระแสทุนนิยมที่เชี่ยวกราก

พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ พ.บ.
ทีมงานวิชาการชมรมแพทย์ชนบท

 

ป้ายคำ:
  • อื่น ๆ
  • บันทึกเวชกรรม
  • นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
  • อ่าน 2,009 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

275-007
วารสารคลินิก 275
พฤศจิกายน 2550
บันทึกเวชกรรม
นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <