Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » โครงการผ่าตัดตาต้อกระจกกับการปรับระบบสาธารณสุขไทย
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โครงการผ่าตัดตาต้อกระจกกับการปรับระบบสาธารณสุขไทย

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มกราคม 2551 00:00

"โครงการนี้จึงไม่ใช่การสังคมสงเคราะห์ธรรมดาๆ แต่เป็นการปรับระบบสาธารณสุขไทยที่เกี่ยวกับเรื่องการรักษาและล้างจำนวนผู้ป่วยสะสมกว่าแสนรายที่ทุกข์ทรมานจากโรคตาต้อกระจกให้หมดไป"

                                                    


จำนวน 100,000 ราย คือตัวเลขผู้ป่วยตาต้อกระจกในประเทศไทย ยังไม่นับรวมกับตัวเลขผู้ป่วยตาต้อกระจกรายใหม่ที่มีเกิดขึ้นในทุกๆปีอีกจำนวน 60,000 ราย นั่นเท่ากับว่า หากระบบสาธารณสุขของไทยยังหามาตรการดีๆที่จะมาจัดการกับเรื่องการรักษาผู้ป่วยตาต้อกระจกเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ ตัวเลขผู้ป่วยจะมีมากขึ้น เพราะมีรายใหม่เกิดขึ้นทุกปี ขณะที่รายที่สะสมก็ยังรออยู่เป็นแสนๆราย

นพ.ชูชัย ศรชำนิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการโรคเฉพาะ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อธิบายว่า โรคตาต้อกระจกเหมือนกับผมหงอก แต่ร้ายแรงยิ่งกว่าผมหงอกหลายร้อยเท่าตัว แต่ที่เปรียบว่าเหมือนกับผมหงอก เพราะโรคตาต้อกระจกคือโรคแห่งความเสื่อม จึงพบเห็นได้กับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีถึง 60 % ต่ำกว่า 50 ปี มีพบน้อยมาก ขณะที่ในอายุ 40 ปีแทบจะไม่พบเลย สำหรับเด็กนั้นก็พบน้อยมากเช่นกันคือประมาณ 1-2 % เท่านั้น สาเหตุคือจอประสาทตาเสื่อมมาแต่กำเนิด

"หมอจึงเปรียบเทียบโรคตาต้อกระจกว่าเหมือนกับผมหงอก เพราะเป็นโรคแห่งความเสื่อม เมื่ออายุมากขึ้นจอประสาทตาเสื่อม ผู้สูงอายุทุกคนจึงมีความเสี่ยงเป็นโรคตาต้อกระจกกันทุกคน"
Ž
โรคตาต้อกระจกเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามวัย ทำให้เลนส์ตาที่เคยมีสีใส กลับกลายขุ่นมัวลง อาการของโรคต้อกระจก จะมีสายตาค่อยๆ มัวลงเหมือนมีฝ้า หรือหมอกบัง เห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีสายตาสั้นขึ้นเรื่อยๆ ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ จนกระทั่งแว่นตาไม่สามารถช่วยได้ หรือเห็นสีต่างๆ ผิดเพี้ยนไปจากเดิม มัวมากตอนกลางวันหรือที่มีแสงจ้า เห็นชัดกว่าตอนกลางคืน ในระยะเริ่มแรกที่ตายังมัวไม่มากนัก ก็ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่หากโรคเป็นมากขึ้น ตาที่มัวก็จะขุ่นและมัวมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา จะเกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงขั้นตาบอด

ปี 2550 เป็นปีที่มีการระดมจักษุแพทย์ทั่วประเทศไทยเพื่อผ่าตัดตาต้อกระจกโดยตั้งเป้าไว้ที่ 80,000 ราย ในชื่อโครงการผ่าตัดตาต้อกระจก 80,000 ราย เฉลิมพระเกียรติ 80/84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข สปสช. ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย มูลนิธิพอ.สว. มูลนิธิโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มูลนิธิโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์กร มหาชน) และจักษุแพทย์ทั่วประเทศ จัดโครงการผ่าตัดตาต้อกระจกเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 80,000 คนทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ โดยให้บริการฟรี ใช้งบประมาณกว่า 480 ล้านบาท

จนถึงขณะนี้ตัวเลขจำนวนผู้ป่วยตาต้อกระจกที่ได้รับการผ่าตัดทะลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยได้ผ่าตัดไปแล้วกว่า 90,000 ราย นอกเหนือจากเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และช่วยให้ผู้สูงอายุของไทยที่ทุกข์ทรมานจากโรคตาต้อกระจกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว โครงการนี้มีนัยยะที่มากกว่านั้น

นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์
เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. ) ระบุว่า ในปี 2550 นี้ผ่าตัดผู้ป่วยไปแล้ว 90,000 ราย เมื่อนำไปลบกับผู้ป่วยสะสม 100,000 ราย และผู้ป่วย รายใหม่ 60,000 รายที่เกิดขึ้นในปีนี้ (100,000+60,000-90,000 = 70,000) ก็ยังเหลือผู้ป่วยสะสมอีก 70,000 ราย ที่จะต้องเร่งทำต่อไป ดังนั้นโครงการต่อเนื่องในปี 2551 จึงต้องรณรงค์ครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อล้างจำนวนผู้ป่วยสะสมให้หมด และให้ปีต่อๆไปสามารถทำการผ่าตัดผู้ป่วยตาต้อกระจกได้ตามปกติ

เมื่อผ่านไป 1 ปี
ด้วยวิธีการแบบนี้ที่เป็นแบบตั้งรับและเชิงรุกกลายๆ เราผ่าตัดผู้ป่วยได้ 90,000 ราย ดังนั้นในปีต่อไปจำนวนผู้ป่วยที่เหลือก็คือ ผู้ป่วยตกค้าง หลงเหลืออยู่ตามพื้นที่ห่างไกล มาหาหมอยากลำบาก ไม่รู้ว่ามีโครงการนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือ กิจกรรมเชิงรุก คือ รุกเข้าไปในพื้นที่ ใช้เครือข่ายที่มีตรวจคัดกรอง โดยโรงพยาบาลซึ่งมีทีมอยู่แล้ว อาจจะเพิ่มทีมค้นหาเข้าไป เพื่อหาผู้ป่วยตาต้อกระจกมาผ่าตัด ด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยสะสมก็จะไม่มี โดยในปี 2551 จะเป็นปีสุดท้ายที่ประเทศไทยจะระดมทีมครั้งใหญ่ผ่าตัดผู้ป่วยตาต้อกระจก ซึ่งหากทำสำเร็จไทยจะเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย ที่ทำเรื่องนี้ได้เร็วภายใน 2-3 ปี ไม่ให้คนไข้ต้องรอจนตาบอด

ปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ 73 แห่ง บางโรงพยาบาลที่ไม่มีจักษุแพทย์ก็ใช้วิธียืมจักษุแพทย์มาและนัดวัดผ่าตัดพร้อมๆกัน เช่นที่โรงพยาบาล จอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งไม่มีจักษุแพทย์แต่ก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการก็ใช้วิธียืมจักษุแพทย์จากโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่มาช่วยผ่าตัด โดยผ่าตัดผู้ป่วย 112 คน ในเวลา 3 วัน ปัจจุบันโรงพยาบาลจอมทองผ่าตัดผู้ป่วยตาต้อกระจก 401 ราย จำนวนนี้เป็นสิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 381 ราย

ขณะที่ภาพรวมของโครงการในปี 2550 นั้นผ่าตัดไปแล้วกว่า 90,000 ราย โครงการนี้จึงไม่ใช่การสังคมสงเคราะห์ธรรมดาๆ แต่เป็นการปรับระบบสาธารณสุขไทยที่เกี่ยวกับเรื่องการรักษาและล้างจำนวนผู้ป่วยสะสมกว่าแสนรายที่ทุกข์ทรมานจากโรคตาต้อกระจกให้หมดไป ด้วยการระดมทีมจักษุแพทย์เพื่อผ่าตัด เพื่อต่อไปคนไทยที่ป่วยจะได้รับการผ่าตัดโดยไม่ต้องรอคิวนาน และไม่ต้องทนทุกข์ทรมานข้ามปีกับโรคนี้อีกต่อไป

ป้ายคำ:
  • โรคตามระบบ
  • โรคหู ตา คอ จมูก
  • ชีพจร UC
  • ต้อกระจก
  • สปสช สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
  • อ่าน 5,833 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

277-007
วารสารคลินิก 277
มกราคม 2551
ชีพจร UC
สปสช สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <