ผมขอหยุดบทความ "เรียนรู้อะไรตอนไปใช้ทุน" ก่อนชั่วคราว เพราะมีเรื่องน่าสนใจในขณะนี้ซึ่งมีบทเรียนหลายอย่างที่น่าเรียนรู้ สำหรับการปลูกฝังอุดมการณ์ อุดมคติทางแพทย์ มาเล่าให้ฟังผ่านจดหมายจากใจ เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบทครับ หวังว่าคงจะได้อะไรบ้างกับบทความนี้
ซีแอล (Compulsory licensing) และเหตุผลในการทำ
นับเป็นความโชคดีของโลกใบนี้ ที่ดร.คาร์ลอส คลอเรีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ของอาร์เจนติน่าในขณะนั้นได้หลุดรอดเข้าไปร่วมการเขียนข้อตกลงทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPs) โดยองค์การการค้าโลกในปี พ.ศ. 2537 และได้ใส่กลไกความยืดหยุ่นเป็นช่องว่างสำหรับการหายใจสำหรับประเทศที่ด้อยพัฒนา ในการต่อสู้เพื่อดูแลผู้คนของเขา ท่ามกลางกระแสแห่งความโลภอันไม่มีขีดจำกัดของโลกแห่งทุนนิยม. ข้อตกลงทริปส์ มาตรา 31 ระบุไว้ว่า การทำความตกลงขอใช้สิทธิจากผู้ทรงสิทธิจะได้รับการยกเว้น หากประเทศมีกรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะที่มิใช่เชิงการค้า จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 ได้กำเนิดปฏิญญาโดฮาที่ระบุว่าประเทศสมาชิกมีสิทธิที่จะปกป้องการสาธารณสุข โดยเฉพาะการส่งเสริมการเข้าถึงยา อย่างถ้วนหน้า และสามารถกำหนดได้ว่าสถานการณ์ใดที่เป็นเหตุฉุกเฉินและเร่งด่วนของชาติ นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของการต่อสู้เพื่อมนุษยธรรมบนโลกใบนี้.
อย่างไรก็ดี กระแสกดดันคัดค้านจากบริษัทยาในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ได้ขาดทุน เพียงแต่กำไรลดลงนั้น ดูจะรุนแรงขึ้น และเสมือนพยายามให้ผู้คนยอมรับในกฎแห่งธรรมชาติ ที่บอกว่า กวางที่อ่อนแอย่อมตายเพราะเป็นเหยื่อของสิงโตที่แข็งแรง จนดูเหมือนว่าไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ที่มีรอยหยักในสมองมากกว่าสัตว์ใดๆในโลกนี้ ก็ควรจะยอมรับว่า คนจน คนด้อยโอกาส เมื่อไม่มีเงินเข้าถึงยา ก็สมเหตุสมผลแล้วที่ต้องตาย ผู้แข็งแรงกว่าย่อมอยู่รอด ประเทศที่แข็งแรงกว่าย่อมอยู่รอด เรายอมให้มีคนหนึ่งคนที่สะสมทรัพย์สินไว้มากกว่าล้านล้านล้านบาท ในขณะที่ปล่อยให้คนจนอดตายโดยไม่สามารถซื้อหาอาหารและยาราคาเพียงไม่กี่ร้อยบาท เรายอมปล่อยให้ประเทศมหาอำนาจบังคับให้เรานิ่งดูดาย ในการปล่อยให้เพื่อนร่วมชาติของเราตายไปทั้งที่มีการคิดค้นวิธีการรักษาได้ แต่ไม่สามารถรักษาได้เพราะไม่มีเงิน ระบบทุนนิยมนั่นแหละที่ขับดันและขับเคลื่อนทำให้คนแข็งแรงยิ่งแข็งแรงขึ้น มีทุนมากขึ้น โอกาสมากขึ้น และคนที่อ่อนแอ อ่อนแอมากขึ้น ตายมากขึ้น เป็นโรคมากขึ้น.
ระบบทุนนิยม เสรีนิยมและประชาธิปไตย ควรจะเป็นเครื่องมือนำเราไปสู่เป้าหมายแห่งโลกเปี่ยมสุขไม่ใช่หรือ หรือมันควรจะเป็นเครื่องมืออันนำเราไปสู่โลกแห่งการแข่งขัน โลกแห่งกลียุค. เราควรจะถอยหลังกลับหรือไม่ ถ้าเครื่องมือแห่งการแข่งขันนั้นไม่ได้นำเราไปสู่เป้าหมายที่เราฝันไว้ร่วมกัน.
มนุษยธรรม และทุนนิยมที่สร้างสรรค์น่าจะเป็นทางออกของโลกใบนี้ การใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาที่มีสิทธิบัตรจะเป็นตัวอย่างอันสำคัญที่บอกว่ามนุษย์บนโลกนี้จะไม่ทอดทิ้งกัน จะไม่ดูดายปล่อยให้ผู้คนตายไป ทั้งที่มีหนทางรักษา มีหนทางในการช่วยเหลือที่ทั้งถูกต้อง ถูกกติกาและถูกต่อมนุษยธรรม.
ระบบการค้ายานั้นซับซ้อน ราคายาไม่ได้ขึ้นกับต้นทุนยา แต่ขึ้นกับเงินเดือนของผู้บริหาร ราคาหุ้น การโฆษณา และแบ่งปันกันของผู้ส่งผ่านและผู้มีอำนาจในการใช้ยา ยาราคา 200 บาท อาจลดลงได้เหลือ 12 บาท ถ้าเพียงไร้ซึ่งสิทธิในการผลิตแต่เพียงผู้เดียว.
การต่อสู้แห่งมนุษยธรรมเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ในดินแดนแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดินแดนที่มนุษย์ทุกผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้จะมีสิทธิอยู่อาศัย เกิด แก่ เจ็บป่วยและตายอย่างมีศักดิ์ศรี ภายใต้การดูแลของผู้คนที่พร้อมจะเรียนรู้วิถีแห่งความเมตตา.
ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนครับ ช่วยกันต่อสู้เพื่อเหลือช่องว่างเล็กๆไว้ให้คนยากไร้ได้หายใจ เหลือที่ว่างเล็กๆไว้ให้คนไทยทั้งประเทศได้ช่วยเหลือกัน เยียวยากัน และเรียนรู้ไม่ใช่เพียงเพื่ออยู่รอด แต่อยู่ร่วมกันในระบบใหม่ ไม่ใช่ระบบทุนนิยมแห่งการแก่งแย่งแข่งขัน แต่เป็นระบบที่มีหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ ระบบที่คนบนโลกใบนี้จะไม่เดียวดาย และดูดายอีกต่อไป.
หลังจากการประกาศซีแอลยามะเร็งโดยนพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 2 เดือนจากนั้นตามมาด้วยรัฐมนตรีจากรัฐบาลใหม่ คุณไชยา สะสมทรัพย์ที่ขอทบทวนซีแอล สั่งย้ายหมอศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เมื่อหมอพงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ออกมาคัดค้านการย้าย จึงได้มีการสั่งการให้ย้ายหมอพงศ์เทพอีก จึงเป็นจุดเริ่มของจดหมายจากใจ : บทเรียนจากปฏิบัติการประชาธิปไตยภาคประชาชน.
จดหมายจากใจเลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท ถึงประชาชนไทยทุกคน : บทเรียนจากปฏิบัติการประชาธิปไตยภาคประชาชน
จดหมายฉบับนี้ไม่ได้เขียนด้วยความเกลียดคุณไชยา แต่เขียนด้วยความรักและปรารถนาดีต่อประชาชนไทยทุกคน เพื่อตอบคำถามดังนี้
ทำไมจึงความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 1 เดือน
แรกเริ่มเดิมที คุณไชยา สะสมทรัพย์เข้ามาในกระทรวงสาธารณสุข พวกเราพร้อมต้อนรับ แต่ตั้งแต่คุณไชยาเข้ามาพร้อมบอกพวกเราว่า คุณไชยา อยากทบทวนการทำซีแอลยา โดยให้เหตุผลว่า เพราะบริษัทยาขาดทุนหลายหมื่นล้าน. แต่หันมาถามพวกเรา ขอดูว่ามีคนไข้มะเร็งกี่คน ถ้าไม่มาก จะหางบประมาณมาดูแล พวกเราแย้งว่าขอให้ศึกษาข้อมูลก่อน แต่คุณไชยาก็หาข้อมูลใหม่มาประกอบกับเพื่ออธิบายเหตุผลในการเลิก ซีแอลในหลายๆวันถัดมา. หลังจากมีกระแสกดดันจากกลุ่มเครือข่ายผู้ป่วย โดยคุณไชยาเผลอหลุดพูดไปว่า ให้ไปกินดอกไม้จันทน์แทนยาซีแอลโรคเอดส์ จากนั้นความขัดแย้งก็รุนแรงขึ้น. นอกจากนั้นคุณไชยายังให้ข่าวกับสื่อว่าจะห้ามโฆษณาเหล้าหลังสี่ทุ่มถึงตีห้า ทั้งที่พวกเรามีงานวิจัยว่าเด็กไทยนอนดึกควรเป็นหลังเที่ยงคืน แต่คุณไชยาไม่ฟัง แล้วยังสั่งการเรียกให้อธิบดีกรมควบคุมโรคมาเสนอแนวทางในการยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้สูบบุหรี่ในผับบาร์ได้ ทั้งที่เพิ่งประกาศไปได้ไม่ถึง 2 เดือน นี่แหละครับเป็นเหตุให้ความขัดแย้งซึ่งเพิ่งคุกรุ่น เริ่มลุกลามเป็นเปลวไฟ.
ทำไมคุณไชยาไม่เข้าใจพวกเรา
ผมคิดว่าคุณไชยาไม่เข้าใจเราครับ พวกเราทำงานกับผู้ป่วย ทำให้หล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมแห่งอุดมการณ์ ความเมตตา ความเข้าใจ ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ผมสงสารและเห็นใจคุณไชยาครับ คุณไชยามาทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ในขณะที่มีความคิด วัฒนธรรม ความเชื่อที่หล่อเลี้ยงคุณไชยามาแต่อดีต อาจจะเป็นการใช้วัฒนธรรมของอำนาจ และเงิน คือคำตอบของการแก้ปัญหา แต่ยิ่งคุณไชยาแก้ปัญหาด้วยอำนาจ ใครไม่เห็นด้วยกับนโยบายก็สั่งย้าย ความขมึงเกลียวก็จะแน่นขึ้นและแก้ปัญหาไม่ได้ คุณไชยาอาจจะคิดว่ายังใช้อำนาจไม่พอ ก็จะยิ่งใช้อำนาจเข้าไปอีก โยกย้ายคนที่ออกมาแย้ง ปัญหาก็จะยิ่งบานปลายไปเรื่อยๆ จนดูเหมือนเราจะทำงานด้วยวิธีการ วิธีคิดที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้.
หมอเป็นอาชีพที่ใช้วิชาการ และงานวิจัยมาตลอดชีวิต ไม่สามารถยอมรับได้กับการตัดสินใจที่ไม่อิงเหตุผลความคิดทางวิชาการ ถ้าคุณไชยาตัดสินใจนโยบายอะไรมาแล้ว และไม่ยอมฟังใครไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไร คุณไชยาคงบริหารได้แต่คนที่ตั้งใจจะประจบคุณไชยา.
อะไรคือการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความชอบธรรม
มีคำถามเสมอว่า รัฐมนตรีมีอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ทำไมต้องแย้งกันด้วย รัฐมนตรีมีอำนาจจริงครับ แต่จะใช้อำนาจนั้นอย่างชอบธรรมหรือไม่ ในองค์กรของพวกเรา พวกเรารู้กันดีว่าใครทำงานดี มีความรู้ความสามารถ ผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ป่วยและสังคม คุณไชยาเข้ามาใหม่ ย่อมมีคนเข้ามาประจบประแจงเป็นธรรมดา แต่คุณไชยายังไม่รู้ข้อมูล คุณไชยาก็แต่งตั้งโยกย้าย แล้วให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้จักหมอศิริวัฒน์ ไม่เคยไปอย. แต่คุณไชยาก็ย้ายหมอศิริวัฒน์ ถ้าคุณไชยาทำอย่างนี้ต่อไปข้าราชการที่ไหนจะอยากทำความดี ก็ทำงานไหลตามน้ำพร้อมรัฐมนตรีไปเรื่อยๆก็เจริญก้าวหน้าในราชการ แล้วประเทศชาติของเราจะอยู่ตรงไหน.
อำนาจอันชอบธรรมไม่ใช่การแต่งตั้งพวกของใคร แต่พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ความดี ถ้าเป็นพวกเดียวกัน แต่ทำงานประจบสอพลอ คอรัปชั่นก็ไม่ควรตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูง แต่ถึงจะเกลียดแค่ไหน แต่ ถ้าเป็นคนดีมีความสามารถยังไงก็ต้องตั้งให้มีตำแหน่งสูง นั่นคือการใช้อำนาจโดยชอบธรรม เพราะในฐานะรัฐมนตรี ท่านกำลังทำงานดูแลราชกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.
อาจารย์ประเวศ วะสี เคยกล่าวว่า สังคมในอดีตแก้ปัญหาโดยการใช้อำนาจทางทหาร หรือการใช้กำลัง ต่อมาเป็นอำนาจเงิน และต่อมาเป็นอำนาจความรู้ แต่ทั้งสามอำนาจนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาของสังคมในยุคสื่อสารไร้พรมแดนได้ ต้องใช้อำนาจแห่งคุณธรรม อำนาจความดี จึงจะทำให้คนศรัทธาแล้วเข้ามาร่วมแก้ปัญหา.
คุณไชยาจะปกครองหมอต้องใช้อำนาจความดี ดูแลคนดี ให้คนดีได้บริหารงานต่างๆในกระทรวงสาธารณสุข ถ้าคุณไชยาอยากรู้ว่าใครคือคนดี ก็คือคนที่ไม่ได้พยายามเข้าไปหาคุณไชยาตั้งแต่แรก แต่พยายามทำงาน รับผิดชอบในหน้าที่ให้ดีที่สุด.
หมอศิริวัฒน์เป็นคนดีทำไมต้องถูกย้ายลดชั้น
กระทรวงสาธารณสุขเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการต่อสู้กับทุจริตต่างๆ ตั้งแต่ทุจริตยา 1,400 ล้านบาท ที่กระทำโดยนักการเมืองที่เข้ามาจากการเลือกตั้ง และยังมีอีกหลายยุคสมัย ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่บอกได้ว่าคนที่กล้าต่อสู้กับนักการเมืองที่คอรัปชั่น คนนั้นไม่ใช่คนดีหรอกหรือ.
ผมอยากเล่าสะท้อนเหตุการณ์อดีตสมัยคุณหมอมรกต กรเกษม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลก่อน ยังเป็นเลขาธิการอย. เมื่อปี พ.ศ. 2537 ให้ฟัง นักการเมืองในสมัยนั้นย้ายคุณหมอมรกต จากเลขาธิการอย.ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สาเหตุเพราะว่าถูกรัฐมนตรีเรียกไปที่ห้อง และพูดว่าคุณหมอจะทำอะไรก็รีบทำเสีย ผมใช้เงินวันละ 3 แสน พูดเป็นนัยๆไปตีความเอาเองว่า ผมต้องใช้เงินวันละ 3 แสนให้ส่งเงินมาให้. พฤติกรรมรัฐมนตรีคนนี้คล้ายๆนักบุญ เวลาไปตรวจราชการที่ต่างจังหวัด ก็มักจะให้เลขาฯเอาเงินใส่ซองให้หน่วยงานนั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่มาเป็นอย่างนี้เอง ตอนนั้นคุณหมอศิริวัฒน์ออกมาให้ข่าวใส่ปลอกแขนดำประท้วง โดยไม่กลัวว่าจะถูกย้าย. คนที่กล้าต่อสู้กับรัฐมนตรีที่ทุจริตคอรัปชั่นโดยไม่กลัวถูกย้าย เป็นคนดีหรือเปล่า มาถึงวันนี้ประวัติศาสตร์มันย้อนกลับมา. คุณหมอศิริวัฒน์ ซึ่งเป็นคนดี ถูกย้ายโดยไม่มีเหตุผลชัดแจ้ง จะให้พวกเราแพทย์ชนบทนิ่งเฉยดูคนดีถูกโยกย้ายได้อย่างไร.
คุณไชยาสั่งย้ายข้าราชการที่เคยต่อสู้กับรัฐมนตรีที่ทุจริตคอรัปชั่น จะทำให้เราไม่มั่นใจว่าคุณไชยาจะเข้ามาดูแลกระทรวงสาธารณสุขให้ปราศจากทุจริตคอรัปชั่นได้อย่างไร.
แพทย์ชนบทเกลียดคุณไชยาหรือไม่
ผมขอบอกว่าผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรคุณไชยา เพราะเราไม่เคยรู้จักกัน ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยม คุณพ่อเสม พริ้งพวงแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอนนี้ท่านอายุ 96 ปี ท่านสอนว่า "ลูกอย่าทำอะไรด้วยความโกรธ ความเกลียด เพราะจะบดบังปัญญา ขอให้ทำด้วยความรักชาติ ปัญญา และความดี" ตามความเป็นจริงผมไม่ได้เกลียดคุณไชยา แต่พวกเราชมรมแพทย์ชนบททำสิ่งต่างๆซึ่งคุณไชยาอาจจะเห็นว่าขัดแย้งและเป็นศัตรู แต่ที่พวกเราทำทั้งหมดก็เพราะพวกเรานึกถึงคำพูดของพ่อเสมที่ว่า "ขอให้ลูกกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง อะไรถูก ก็ว่าถูก อะไรผิดก็ว่าผิด ช่วยกันดูแลกระทรวงสาธารณสุข พ่อดูพวกเราอยู่" ผมไม่ใช่คนก้าวร้าว ไม่ชอบความขัดแย้ง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อเสม ผมต้องกล้าแย้งในสิ่งที่ถูกต้อง ผมต้องดูแลกระทรวงสาธารณสุขที่พ่อเสมรักและดูแลมาตลอดชีวิต เวลาผมต้องแย้งกับท่านรัฐมนตรี คำพูดของพ่อเสมจะวนเวียนมาเพื่อรวบรวมความกล้าว่าเรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว.
พวกเราชมรมแพทย์ชนบททำเพื่ออะไร
ขอยืนยันว่าทุกอย่างที่พวกผมทำ ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้น สมัยที่คุณพินิจ จารุสมบัติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและผมเป็นประธานชมรมแพทย์ชนบท คุณพินิจเคยถามผมถึง 3 ครั้งว่า เห็นว่าผมทำงานดี อยากสนับสนุนให้เป็นซีเก้า ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน จังหวัดไหนก็ได้ แต่ผมตอบปฏิเสธ เพราะผมไม่คิดว่าจะก้าวหน้าในชีวิตราชการแบบนั้น เพราะไม่มีศักดิ์ศรี เราเป็นแพทย์ เป็นวิชาชีพ เรามีจรรยาบรรณในวิชาชีพครับ ถ้าคุณไชยาไม่เชื่อถามคุณพินิจได้ครับ.
พวกเราทำตามสิ่งที่เรียกว่า "อุดมการณ์" ซึ่งผมคิดว่าคุณไชยาอาจจะไม่เข้าใจ เพราะคุณไชยาให้ สัมภาษณ์ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมหมอศิริวัฒน์ถึงยอมหยุดรับเงินเดือน 150,000 บาทในองค์กรอิสระ แล้วย้ายมารับเงินเดือน 50,000 บาทที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยคุณไชยาตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีผลประโยชน์อะไรในอย. ที่ทำให้คุณหมอศิริวัฒน์ยอมรับเงินเดือนลดลง นี่เป็นคำตอบของคำว่า "อุดมการณ์" ครับ. ตอนผมจบจากคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดีใหม่ๆ ผมอยากมีรถบีเอ็มดับบลิวขับ แต่ต้องขอบคุณรัฐบาลไทยที่ส่งผมไปใช้ทุนในชนบท 3 ปี ผมได้พบคนทุกข์คนยากในสังคมมากมายที่พวกเราคนรวยและคนชั้นกลางไม่ได้ดูแลพวกเขา. ผมได้เรียนรู้ว่า "เวลาเราได้พบคนที่ลำบากกว่าเรา ความอยากมีอยากได้ก็จะหายไป" หลังจากนั้นผมไม่อยากขับรถบีเอ็มอีกแล้วครับ ทุกวันนี้ผมขับรถปิคอัพเก่าๆคันหนึ่ง.
อุดมการณ์แห่งแพทย์ชนบทได้หล่อหลอมพวกเรา ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคนอย่างหมอวรวิทย์ ที่โรงพยาบาล อุ้มผางจังหวัดตาก ที่อยู่ที่นั่นมาได้เกือบ 20 ปี ทั้งที่รายได้น้อยกว่าเอกชนมากกว่า 5 เท่า.
ผมอยากให้คุณไชยาได้เหลือที่ว่างในสังคมทุนนิยม แห่งการแก่งแย่ง เงิน และอำนาจ ไว้สำหรับอุดมการณ์ ของพวกเราที่จะเติบโตในปริมณฑลซึ่งคุณพ่อเสมได้ให้มรดกแก่พวกเราไว้ ให้ผมได้ตอบกับคุณพ่อเสม พริ้งพวงแก้วว่า ผมได้ดูแลกระทรวงสาธารณสุขที่พ่อรักไว้เป็นอย่างดี.
ประชาธิปไตยภาคประชาชนเริ่มขึ้นแล้ว
จากผลการทำงานที่ผ่านมา ผมคิดว่าคุณไชยามีวิธีคิด วิธีการ ความเชื่อ วัฒนธรรมและอุดมการณ์ที่แตกต่างจากพวกเรา จริงๆในสังคมเราทุกคนสามารถมีบทบาทหน้าที่ที่ตนเองถนัดแตกต่างกันได้ และทำประโยชน์ให้สังคมได้ แต่เราต้องรู้ว่างานอะไรที่เราถนัด ที่เราทำประโยชน์ให้สังคมมากที่สุด คุณไชยาถนัดงานด้านอื่น น่าจะเลือกไปทำงานที่คุณไชยาถนัด.
แต่อย่างไรก็ดี ในเมื่อประชาธิปไตยที่คุณไชยาบอกคือ กติกาแห่งการเลือกตั้ง การหย่อนบัตรลงในหีบ รวมทั้งกติกาแห่งการใช้สิทธิของพลเมืองในการถอดถอน ผมก็ขอใช้ประชาธิปไตยกับคุณไชยาเช่นกัน โดยการขอร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มูลนิธิเข้าถึงยา เครือข่ายเพื่อน โรคไต และอื่นๆ ในการเข้าชื่อถอดถอนคุณไชยา ไม่ว่าคุณไชยาจะไม่ชอบ โกรธ หรือไม่พอใจอย่างไร ก็คงต้องยอมรับในกติกาแห่งประชาธิปไตยแบบที่ผมยอมรับให้คุณไชยาที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารงานในกระทรวงสาธารณสุขนาน 1 เดือนที่ผ่านมา.
ผมจึงขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านครับ ท่านจะไม่เห็นชอบกับผมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าท่านเห็นชอบท่านเชื่อว่าคุณไชยาไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตามเหตุผลต่างๆที่ผมว่าไว้ หรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ ท่านย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะทดลองใช้ประชาธิปไตยภาคประชาชน สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มนี้ได้ที่ www.cl4life.net หรือ www.consumerthai.org หรือขอรับแบบฟอร์มได้ที่โรงพยาบาลอำเภอทุกแห่งในอีก l สัปดาห์ และส่งแบบฟอร์มนี้พร้อม (รับรอง) สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาบัตรประชาชน ขีดคร่อมว่าใช้เฉพาะการถอดถอนรัฐมนตรี มาที่ ตู้ปณ 119 ปณจ. คลองหลวง 12120
ถึงตอนนี้ไม่สำคัญแล้วครับว่าผมจะถอดถอนคุณไชยาได้หรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือผมจะขอเชิญชวนประชาชนไทยทุกคนมาร่วมดูแลประเทศไทยโดยใช้สิทธิพลเมืองของท่านเพื่อสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุข แบบที่อาจารย์ประเวศ วะสีท่านมีจินตนาการว่า "มนุษย์ทุกคนพ้นทุกข์ร่วมกันได้" เราสามารถอยู่ด้วยความแตกต่างในผืนแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยไม่แตกแยกครับ.
ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ได้เกลียดคุณไชยา แต่ผมรักประเทศไทยและประชาชนไทยทุกคนครับ.
พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ พ.บ.
เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท และอดีตประธานชมรมแพททย์ชนบท
- อ่าน 3,707 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้