โลหะหนักถูกกล่าวถึงในทางการแพทย์มา ตั้งแต่สมัย Hippocrates แล้ว ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายตัว แต่ในที่นี้ขอกล่าวถึงเฉพาะที่สำคัญๆ นะครับ.
ทองคำ (gold)
ค.ศ. 1651 Johann Rudolf Glauber (1604-1670) นักเคมีชาวเยอรมัน-ดัทช์กล่าวในหนังสือของเขาว่าทองคำใช้รักษาโรคได้ สองศตวรรษต่อมา Jean Andre Chrestien (1758-1840) แพทย์ชาวฝรั่งเศสแนะนำให้ใช้ทองคำในการรักษาโรคซิฟิลิสและวัณโรค.
ในปี ค.ศ. 1890 Robert Koch พบว่าสาร ผสมของทองคำกับไซยาไนด์สามารถฆ่าเชื้อวัณโรคในหลอดทดลองได้. ต่อมา ค.ศ. 1913 Adolf Feldt เภสัชกรชาวเยอรมันแสดงให้เห็นว่าทองคำเป็นส่วนที่มีฤทธิ์ต่อเชื้อวัณโรค. หลังจากนั้น ยาที่มีทองคำเป็นส่วนประกอบก็ทยอยออกสู่ตลาด จนถึงค.ศ. 1924 Holger Moellgaard (1885-1973) แพทย์ชาวเดนมาร์กพบว่าสาร gold sodium thiosulfate รักษาวัณโรคในวัวได้. ยาตัวนี้ออกสู่ตลาดโดยใช้ชื่อการค้าว่า Sanocrysin แม้จะเกิดพิษในคนแต่ยานี้ยังคงถูกใช้อยู่หลายปีจนกระทั่ง ค.ศ. 1931 J. B. Amberson และคณะที่ Detroit ประเทศสหรัฐอเมริกาทำการวิจัยแบบมีกลุ่มควบคุมแสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้ป่วยวัณโรคปอดที่ได้รับการฉีดน้ำเปล่ามีอาการดีกว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับการฉีดยา Sanocrysin นำไปสู่จุดสิ้นสุดของการรักษาวัณโรคด้วยทองคำ.
เงิน (silver)
แร่เงินเป็นอีกสารหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ เริ่มต้นในศตวรรษที่ 17 Franciscus Sylvius (1614-1672) แพทย์ชาวดัทช์เริ่มใช้ Silver nitrate ในการรักษาบาดแผล. ต่อมาปี ค.ศ. 1884 Karl Siegmund Franz Crede (1819-1892) สูตินรีแพทย์ชาวเยอรมันเป็นคนแรกที่นำสารละลาย 2 % Silver nitrate มาหยอดตาทารกแรกเกิดเพื่อป้องกันการติดเชื้อหนองในที่ตา สารละลายนี้จึงมีอีกชื่อว่า Crede's prophylaxis ภายหลังสารละลายดังกล่าวถูกเจือจางลงเป็น 1 % Silver nitrate และใช้เป็นมาตรฐานมาจนถึงปัจจุบัน.
ต้นศตวรรษที่ 20 William S. Halstead ปลุกกระแสการนำแร่เงินมาใช้รักษาบาดแผลขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็มีการศึกษาสารดังกล่าวมากขึ้นจนกระทั่ง ค.ศ. 1968 Charles L. Fox ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียรายงานว่า Silver sulfadiazine มีประสิทธิภาพ นการรักษาแผลไฟไหม้/น้ำร้อนลวกที่ติดเชื้อ Pseudomonas aeruginosa ได้ดีกว่า Silver nitrate จึงถูกใช้อย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน.
สารหนู (arsenic)
Paul Ehrlich (1854-1915) แพทย์ชาวเยอรมันเสนอแนวคิดในการค้นหาสารเคมีที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคโดยไม่มีอันตรายต่อเนื้อเยื่อปกติ เขาเรียกกระบวนการนี้ว่า "เคมีบำบัด (Chemotherapy)" และเรียกสารดังกล่าวว่า "กระสุนมหัศจรรย์ (magic bullet)".
สารหนูถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์หลายพันปีแล้ว ศตวรรษที่ 18 Thomas Fowler (1777-1843) นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษนำสารละลาย Arsenic trioxide มาใช้ในทางการแพทย์เรียกว่า Fowler's solution ค.ศ. 1858 David Livingstone (18-1873) มิชชัน-นารีชาวสก็อตแนะนำว่าสารละลายของ Fowler ใช้รักษาโรคเหงาหลับได้.
ค.ศ. 1863 Antoine Bechamp (1816-1908) นักชีววิทยาชาวฝรั่งเศสสังเคราะห์เกลือโซเดียมของ phenylarsonic acid เขาพบว่ามีพิษ (toxic) น้อยกว่าสารหนูอื่นๆ ที่เคยมีมา 40-50 เท่า สารนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Atoxyl.
ค.ศ. 1905 Harold Wolferstan Thomas (1875-1931) และ Anton Breinl (1880-1944) สองแพทย์ชาวอังกฤษรายงานว่า Atoxyl รักษาสัตว์ที่ติดเชื้อ trypanosome ได้ Rober Koch ทดสอบในคนก็พบว่าได้ผลจริง แต่ยามีข้อเสียคือ มีพิษต่อเส้นประสาทตาถึงขั้นตาบอดได้ Ehrlich จึงคิดที่จะปรับปรุงโครงสร้างเพื่อหาสารที่พิษน้อยลง เขามอบหมายงานนี้ให้นักเคมีอินทรีย์ Alfred Bertheim.
ค.ศ. 1907 สารลำดับที่ 606 Arsenophenol (ต่อมา คือ Arsphenamine) ผู้ช่วยของ Ehrlich ทดสอบพบว่าไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ trypanosome จึงถูกเก็บไว้ที่ชั้นในห้องปฏิบัติการ.
Erich Hoffmann (1868-1959) แพทย์ชาวเยอรมันหนึ่งในผู้ค้นพบ Treponema pallidum แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคซิฟิลิสมาเยี่ยม Ehrlich และบอกแก่เขาว่าแบคทีเรียนี้มีหลายๆ อย่างที่คล้าย คลึงกับปรสิต Trypanosome เมื่อความพยายามในการหายาฆ่าเชื้อ trypanosome ล้มเหลว Ehrlich จึงเบนเข็มไปที่โรคซิฟิลิส.
ค.ศ. 1909 Shibasaburo Kitasato (1853-1931) แพทย์ชาวญี่ปุ่นเพื่อนร่วมงานเก่าของ Ehrlich ส่งลูกศิษย์ที่ชื่อ Sahachiro Hata (1873-1938) มาช่วยงานเขา จากที่ไม่เคยมีใครเพาะเชื้อซิฟิลิสได้ Hata เป็นคนแรกที่ค้นพบวิธีทำให้กระต่ายติดเชื้อซิฟิลิสทำให้ง่ายต่อการศึกษา วันที่ 31 สิงหาคมปีนั้นเอง เขาทดลองฉีดยาให้แก่กระต่ายที่เป็นซิฟิลิสพบว่าสารตัวอย่างลำดับที่ 606 คือ Arsphenamine นั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคซิฟิลิส หนึ่งปีต่อมาสารดังกล่าวก็ผลิตออกสู่ตลาดในชื่อการค้าว่า Salvarsan แต่มีผลข้างเคียงมาก Ehrlich จึงต้องทดสอบหาสารอื่นต่อไป.
การทดสอบเดินทางมาถึงสารตัวอย่างลำดับที่ 914 พบว่ามีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อก่อโรคซิฟิลิสเช่นกัน แต่ผลข้างเคียงน้อยลงผู้คนจึงพอยอมรับได้ สารนี้ชื่อว่า Neoarsphenamine และผลิตออกสู่ตลาดโดยใช้ชื่อการค้าว่า Neosalvarsan การค้นพบยานี้ทำให้ผู้ป่วยโรคซิฟิลิสก็มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นและถือได้ว่าเป็นยาปฏิชีวนะตัวแรกของโลก แต่ถูกเลิกใช้ไปเมื่อมีการค้นพบยาเพนิซิลลิน (Penicillin) ในเวลาต่อมา.
Ehrlich ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี ค.ศ. 1908 และได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งเคมีบำบัด.
ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์ พ.บ.
โรงพยาบาลบ้านแหลม, จังหวัดเพชรบุรี
E-mail : [email protected]<
www.geocities.com/tantanodclub
- อ่าน 5,741 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้