Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ทุนแพทย์เฉพาะทาง.....ทุนของเรา? ทุนของกระทรวงฯ หรือทุนของใคร?
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ทุนแพทย์เฉพาะทาง.....ทุนของเรา? ทุนของกระทรวงฯ หรือทุนของใคร?

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กรกฎาคม 2551 00:00


                                
              "เวลา 3 ปีที่พวกเขารอ คงจะแย่ไม่น้อย ถ้ามีบางคนรับทุนแต่ไม่ตั้งใจจะกลับไปใช้ทุน"

ทุนแพทย์เฉพาะทาง.....ทุนของเรา?
ทุนของกระทรวงฯ หรือทุนของใคร?

ช่วงเวลาเดือนกรกฎาคม เป็นช่วงเวลาที่แพทย์ประจำบ้านหลายคนกำลังจบ และเดินทางไปยังโรงพยาบาลซึ่งตนได้รับทุนมา แต่มีแพทย์หลายคนได้ทุนมาเรียนต่อเฉพาะทางและสัญญาว่าจะกลับมาทำงานยังโรงพยาบาลชุมชนหรือโรงพยาบาลจังหวัดที่ห่างไกล. แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเรียน 3 ปีในโรงเรียนแพทย์ กลับเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ทั้งความรู้สึก ความสุข และความอยากทำงานในโรงพยาบาลชุมชนกลับจางหายไป มีหลายเหตุผลที่ให้กับทุกๆคน ทั้งไกลบ้าน ถ้ากลับไปจะไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาได้อย่างเต็มที่ ระบบเดิมที่โรงพยาบาลและระบบราชการแบบกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้เรื่อง มีปัญหามาก บางครั้งต้องทำงานที่ไม่ใช่เฉพาะด้านที่ตนเรียนมา ทำให้บางคนจ่ายเงินใช้ทุนให้ กับต้นสังกัดจำนวนล้านกว่าบาท และเข้าทำงานในโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาชดเชยกับส่วนที่ต้องจ่ายไป เงินจำนวนนี้สำหรับพ่อแม่ และใครต่อใครอีกหลายคนอาจจะเป็นเงินจำนวนไม่มากเมื่อแลกกับการที่ลูกได้กลับมาอยู่บ้าน.

ดูเหมือนว่าระบบทุนนิยมทำให้เราทุกคนมองปัญหา กำหนดกติกา และแก้ปัญหากันด้วยระบบเงิน ใครผิดกติกาก็จ่ายเป็นเงิน หรือเราลืมความเป็นชุมชน ลืมคุณค่าของความเป็นแพทย์ และลืมว่าทำไมจึงต้องมีระบบทุนให้แพทย์มาเรียน. การกำหนดสถานที่รับทุนของกระทรวงสาธารณสุขนั้นกำหนดตามความขาดแคลนของแพทย์เฉพาะทางในที่นั้น เพื่อกระจายให้แพทย์เฉพาะทางไปอยู่ในที่ยังไม่มี หรือมีแพทย์เฉพาะทางด้านนั้นน้อย ซึ่งก็มักจะเป็นที่ห่างไกล ทั้งโรงพยาบาล จังหวัดที่ห่างไกล หรือโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ในจังหวัดนั้น เพื่อให้คนชนบทที่อยู่ห่างไกลไม่ต้องเดินทางออกมาไกลนัก ก็สามารถรับบริการที่จากแพทย์เฉพาะทางได้.

ในขณะที่ระบบการเรียนแพทย์เฉพาะทางได้พยายามให้แพทย์ที่อยากเรียนต่อ ต้องหาทุนมาเรียน เพราะใครมีทุนมาก็มีโอกาสที่จะได้รับคัดเลือกมากกว่า แพทย์ที่อยากเรียนมากเพราะกลัวจะ เรียนไม่ทันเพื่อนหรืออยากกลับมาอยู่ใกล้บ้าน ก็มักจะหาทางไปรับทุนที่ไหนก็ได้ที่ให้ทุน โดยไม่ได้ถามตัวเองว่าตนเองจะกลับมาชดใช้ทุนที่นั่นจริงหรือไม่ หรือระบบการเรียนแพทย์เฉพาะทางได้ทำให้แพทย์ที่เรียนห่างไกลจากความเป็นจริง ห่างไกลจากชุมชน จนไม่สามารถกลับไปทำงานที่เดิมได้.

หลายเหตุผลของการไม่กลับมาใช้ทุนก็น่าเห็นใจ เพราะบางคนพ่อแม่ป่วยต้องดูแล บางเหตุผลก็เป็น การต่อว่าระบบของโรงพยาบาลที่ให้ทุนมา ทั้งเรื่องต้องกลับไปช่วยตรวจผู้ป่วยทั่วไปที่ไม่ใช่เฉพาะด้านที่ตนเรียนมาเพราะเป็นโรงพยาบาลชุมชน แน่นอนว่าคนเรียนต่อเฉพาะทางย่อมอยากตรวจเฉพาะที่ เราเรียนมา แต่ปัญหาของประเทศไทยคือไม่มีใครอยากตรวจผู้ป่วยทั่วไปซึ่งมีจำนวนมาก ภาระส่วนใหญ่ตกทิ้งไว้ให้กับแพทย์ใช้ทุนซึ่งจบใหม่ ดังนั้นการช่วยตรวจผู้ป่วยทั่วไปคือการช่วยน้องตรวจเพื่อแบ่งเบาภาระให้น้องแพทย์ใช้ทุนอยู่ได้นานขึ้น. น่าสนใจที่ว่า เมื่อตอนเราเป็นแพทย์ใช้ทุนเรามักจะประณามพี่ๆทั้งผู้อำนวยการและแพทย์เฉพาะทางที่ไม่มาช่วยตรวจ แต่พอเราเป็นแพทย์เฉพาะทาง เรากลับคิดว่าหน้าที่ของเรามีเพียงการตรวจผู้ป่วยเฉพาะด้านที่เราเรียนมา ส่วนการตรวจผู้ป่วยทั่วไปปล่อยให้เป็นภาระของคนอื่นที่ต้องแก้กันไป.

                                       

"สำหรับหมอการกลับไปใช้ทุนเป็นโอกาสในความสบายที่ลดลง แต่สำหรับเขาคือโอกาสในการรอดที่เพิ่มขึ้น"

                                        

                         "การรอสำหรับคนบางคนอาจเสียเวลา แต่สำหรับคนบางคนอาจเสียชีวิต"


แน่นอนว่าปัญหาระบบการแพทย์ของซับซ้อน ทั้งความคาดหวังของคนไข้ ความคาดหวังของสังคม ซึ่งมักจะไม่สอดรับกับความคาดหวังของแพทย์. แพทย์ทุกคนย่อมคาดหวังว่างานในอนาคตจะเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ทำงานที่ปราณีตขึ้น พัฒนาศักยภาพตนเองมากขึ้น มีงานวิชาการที่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ แต่งานที่มีส่วนใหญ่ในระบบกลับเป็นการตรวจผู้ป่วยหวัด ปวดหลัง ปวดเอว ซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อหน่าย ไม่น่าภาคภูมิใจ. ดูเหมือนว่างานนั้นน่าภาคภูมิใจหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ผู้ป่วยเป็นคนตัดสินใจ กลับอยู่ที่แพทย์คนนั้นรู้สึกกับงานนั้นว่าน่าภาคภูมิใจหรือไม่ การดูแลชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคง่ายๆทั้งกายและใจกลับเป็นงานที่ไม่มีความหมายใดๆเมื่อเราได้เรียนรู้ลึกขึ้น เฉพาะด้านขึ้นเรื่อยๆ.

ในอีกมุมหนึ่ง ระบบบริหารจัดการในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลชุมชน ก็เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ต้องจะทำให้แพทย์เฉพาะทางอยู่ได้ และอยู่อย่างมีความสุข ในแบบที่ว่าไม่มีใครเอาเปรียบใคร. สำหรับแพทย์ส่วนใหญ่นั้น ทำงานหนักไม่ว่า แต่ขอให้รู้สึกว่าไม่ถูกเอาเปรียบ ทุกคนทำงานหนักด้วยกัน เขาได้มีความภาคภูมิใจในงานที่ทำ มีความชื่นชมทั้งจากผู้ป่วย เพื่อนร่วมงานและหัวหน้า เมื่อรักษาผู้ป่วยได้ดี การทำงานด้วยความเป็นพี่เป็นน้องจะดึงดูดให้แพทย์ทำงานได้อย่างมีความสุข ไม่ใช่ทำเพราะทนทำไป หรือเพราะความรับผิดชอบที่ต้องใช้ทุน ต้องยอมรับที่ว่ามีระบบของโรงพยาบาลบางแห่งที่อาจเอาระบบการเงินเป็นหลัก ระบบคุณธรรมต่อผู้ป่วยเป็นรอง. แพทย์ทั้งอาวุโสและไม่อาวุโสบางส่วนทำแต่คลินิกจนลืมและทอดทิ้งน้องๆให้เผชิญชะตากรรมกันเอง จนน้องแพทย์หลายคนรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบ เป็นส่วนที่ต้องการภาวะผู้นำของโรงพยาบาลนั้นในการแก้ปัญหาและสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา.

เมื่อกลับมาที่คำถามที่ว่า การไม่กลับไปใช้ทุนและชดเชยด้วยการจ่ายเงินนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสม และเป็นธรรมหรือไม่ คงต้องตอบอีกคำถามหนึ่งก่อนหน้านั้นว่าทุนที่ให้มาเรียนแพทย์เฉพาะทางนั้นเป็นทุนของใคร ทุนของแพทย์ผู้รับทุน? ทุนของกระทรวงสาธารณสุข? ทุนของโรงพยาบาลและหมอที่รอการกลับมาช่วยทำงาน หรือเป็นทุนของชุมชนนั้น? แน่นอน มองในมุมของแพทย์ผู้รับทุน ตนเป็นคนที่ต้องแบกรับความลำบากต่างๆ มองในมุมของแพทย์เฉพาะด้าน ที่โรงพยาบาลนั้นย่อมรอความหวังว่าปีนี้จะมีน้องกลับมาช่วยงาน. แต่ที่สำคัญชุมชนซึ่งอาจจะไม่มีส่วนรับรู้ใดๆกับการรับทุนหรือให้ทุนนั้น ย่อมรอความหวังว่าจะมีหมอมาช่วยตรวจรักษาโรคของเขา ถึงเขาไม่มีส่วนรับรู้ แต่ตัวเราก็รู้ว่า ชุมชนนั้นย่อมรอการกลับมาเพื่อพัฒนาระบบบริการของพวกเรา ซึ่งห่างไกลกับระบบบริการที่เมืองใหญ่ๆแค่ไหน หรือเรายอมรับความแตกต่างและช่องว่างทางสังคมที่มักจะลืมผู้ที่อ่อนแอกว่า อ่อนด้อยกว่า และไม่มีปากมีเสียง. พวกเขารอมา 3 ปี 4 ปี หรือ 5 ปี ตามแต่ทุนนั้นแล้ว ใครล่ะที่จะคืนความเป็นธรรม ถ้าผู้รับทุนมองแต่มุมของตนเองด้านเดียว การกลับไปอยู่ที่นั่นช่วงหนึ่งจนกว่าจะมีคนมาแทนน่าจะเป็นทางออกที่ดีพอควรสำหรับคนที่รับทุนและต้องไปใช้ทุนด้วยความรู้สึกไม่มีความสุข แต่เราเป็นแพทย์..วิชาชีพซึ่งต้องเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบไม่ใช่หรือเราคงไม่มีความสุขถ้าเราทอดทิ้งคนไข้ เช่นเดียวกับที่เราคงจะไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตถ้าเราได้ทอดทิ้งสัญญาแห่งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่มีให้กับชุมชนและโรงพยาบาลที่เรารับทุนมา.

เป็นกำลังใจให้กับน้องแพทย์เฉพาะทางจบใหม่ ผู้ตั้งใจจะไปใช้ทุนตามสัญญาแห่งตน การทำสิ่งที่ตนเชื่อ สิ่งที่เป็นความถูกต้อง แม้จะลำบาก ฝืนใจในช่วงแรก แต่อย่างน้อยทำให้เราไม่ลืมความรู้สึกที่ว่า เรามาเป็นแพทย์เพราะอะไร แล้ววันหนึ่งเมื่อเราเดินไปจนถึงสุดปลายทาง เราจะได้บอกกับตัวเองและลูกหลานของเราว่า "ชีวิตนี้เราได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยนึกเสียใจ ตลอดช่วงทางเดินแห่งชีวิตที่ผ่านมา"

พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ พ.บ.
เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบท และอดีตประธานชมรมแพททย์ชนบท

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • บันทึกเวชกรรม
  • นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
  • อ่าน 13,786 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

283-016
วารสารคลินิก 283
กรกฎาคม 2551
บันทึกเวชกรรม
นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <