Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ใจถึงใจ...เส้นทางใหม่รักษาผู้ป่วยเบาหวาน
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ใจถึงใจ...เส้นทางใหม่รักษาผู้ป่วยเบาหวาน

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 เมษายน 2550 00:00

การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้น สิ่งสำคัญคือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยให้อยู่ ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ แต่เนื่องจากเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมความเป็นอยู่ของผู้ป่วย เช่น พฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย ปัญหาทางสังคม ครอบครัว ที่ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งมีความซับซ้อนเกินกว่าที่การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความเอาใจใส่ใกล้ชิด และความเข้าใจกับผู้ป่วยเพื่อให้การรักษาได้ผลดีขึ้น

หมออนามัย หรือบุคลากรระดับปฐมภูมิ นับเป็นกลุ่มผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากที่สุด และมีส่วนสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในการประชุมวิชาการ Primary care ครั้งที่ 2 "ตกผลึกอุดมการณ์บริการปฐมภูมิ สู่ปฏิบัติการงานสุขภาพชุมชน" ที่จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.) ได้มีการถ่ายทอดเรื่องราวเล็กๆ ที่เกี่ยวกับแนวทางการรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่ได้ผล อันเกิดมาจากความใส่ใจในการอยู่ การกินของผู้ป่วย

ย้ายคลินิกเบาหวานจากสถานีอนามัยสู่บ้านผู้ป่วย
จุดเริ่มต้นรูปแบบใหม่ของการรักษาที่ก่อเกิดจากความใส่ใจในผู้ป่วยเบาหวานเกิดขึ้นในสถานีอนามัยเขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จากปัญหาที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลได้ ทำให้การรักษาไม่ได้ผล และผู้ป่วยมีสุขภาวะที่ไม่ดี ยงยุทธ์ สุขพิทักข์ นักวิชาการสาธารณสุขที่ประจำ อยู่ ณ สถานีอนามัยแห่งนี้ จึงเกิดความคิดที่จะย้ายคลินิกเบาหวานจากสถานีอนามัยมาที่บ้านผู้ป่วยแทน

ตั้งแต่ปี 2545-2548
ผู้ป่วยเบาหวานในอำเภอเชียรใหญ่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณยงยุทธ์ จึงเกิดความคิดว่าทำอย่างไรให้ผู้ป่วยเกิดความตระหนัก ปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรมการกิน การอยู่ เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีขึ้น จึงคิดตั้งโรงเรียนสุขภาพขึ้น เพื่อสอนให้ผู้ป่วยรู้จักดูแลสุขภาพตัวเอง โดยมีทีมสุขภาพอันประกอบด้วย หมออนามัย พยาบาลวิชาชีพ เภสัชกร อาสาสมัคร (อสม.) เป็นทีมสหวิชาชีพที่มีจุดมุ่งหมายการทำงานเดียวกันคือ ทำงานเพื่อชุมชน และทำงานเพื่อพัฒนา มาร่วมมือกันให้ความรู้ผู้ป่วย

ทีมสุขภาพได้นำประเด็นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของผู้ป่วย มาเป็นประเด็นแรกที่จะสื่อสารกับผู้ป่วย เพราะปัญหาของผู้ป่วยคือ กินไม่เป็น ไม่รู้จักเลือกอาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โรคเบาหวาน ทีมจึงให้ความรู้ผู้ป่วยเรื่องอาหารแลกเปลี่ยน หรือธงโภชนาการ เรียนรู้ทั้งปริมาณของอาหาร เมนูอาหาร และการปรุงให้ผู้ป่วยสามารถฝึกปฏิบัติได้จริง โดยทีมสุขภาพเป็นผู้ลงไปสอนเอง ซึ่งการใกล้ชิดกับผู้ป่วยเช่นนี้ ทำให้ทีมได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วย

"เราบอกผู้ป่วยทุกครั้งว่า เรื่องสุขภาพนี้เราต้องช่วยกัน หมอครึ่งหนึ่ง และผู้ป่วยอีกครึ่งหนึ่ง หมอจะเป็นคนให้ยา และให้ความรู้ แต่ผู้ป่วยก็ต้องให้ความร่วมมือ โดยการจดบันทึกสิ่งที่กินเข้าไปว่า กินอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ ผู้ป่วยต้องเอาบันทึกมาให้หมอดู และต้องคุยกับหมอทุกครั้งที่มาตรวจ เพื่อให้เกิดความใกล้ชิด และไว้วางใจกันมากขึ้น" ยงยุทธ์กล่าว

การจดบันทึกนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้หมอสามารถใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้มากขึ้น ทำให้หมอได้รับทราบและเข้าถึงมิติทางครอบครัวของผู้ป่วย การให้ความรู้กับคนในครอบครัว และคนใกล้ชิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ถือเป็นกุญแจสำคัญให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสามารถเกิดขึ้นได้

"การบันทึกรายการอาหารเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้กับญาติผู้ป่วย จากเดิมที่ญาติไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็กลับต้องเริ่มหันมาสนใจว่าพ่อแม่ของเราเป็นอะไร ทำไมต้องจดรายการอาหาร จุดนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมอาหารได้มากขึ้น ซึ่งนับว่าผ่านขั้นตอนที่หนึ่ง จากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆ ต่อไปได้ เช่น เริ่มปรับการออกกำลังกาย แต่หากในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมอาหารได้ หรือผู้ป่วยไม่มาตามนัด ทีมสุขภาพจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สอง คือ การไปเยี่ยมบ้าน เพื่อไปพูดคุยกับผู้ป่วย และญาติผู้ป่วย เพราะเรารู้ว่าผู้ป่วยดูแลตัวเองคนเดียวไม่ได้ ญาติจึงมีความสำคัญที่สุดที่จะต้องช่วยกันให้ผู้ป่วยควบคุมการกินได้ ซึ่งการย้ายคลินิกไปที่ชุมชน เราจะได้ประโยชน์ 2 ทาง คือ เข้าถึงตัวผู้ป่วย และญาติ ทำให้ได้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับครอบครัว เพื่อนำไปปรับใช้ในการรักษาผู้ป่วยรายนั้น และช่วยผู้ป่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปสถานีอนามัย ลดการเสียเวลา และลดความเครียดจากการรอตรวจด้วย"

►ใจถึงใจ...หนทางช่วยผู้ป่วยเบาหวาน
"ผมใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการเข้าทำความเข้าใจกับผู้ป่วย ผมใช้เวลาทุกวันที่คลินิกคุยกับผู้ป่วยจนรู้ทุกเรื่อง ซึ่งการนั่งคุยนี้เราต้องทำอย่างนุ่มนวล อย่าบังคับ ผมจะมองผู้ป่วยเหมือนเป็นญาติ เพื่อที่จะได้รักษาเขาอย่างเต็มที่ ตอนนี้ผู้ป่วยไม่เครียด สังเกตได้จากสีหน้า และเมื่อถามว่าเขาเครียดหรือ ไม่ที่เป็นเบาหวาน เขาจะบอกเราว่าเขามีความสุขดีเพราะเขารู้ว่าต้องกินอย่างไร รู้ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไร"

นอกจากการใส่ใจผู้ป่วยเหมือนเป็นญาติ จะช่วยให้สามารถเข้าถึงใจของผู้ป่วยได้แล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ กลุ่มอาสาสมัครที่เป็นคนในชุมชน จะทำให้เข้าถึงผู้ป่วยได้มาก เพราะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย อีกทั้งยังช่วยเจ้าหน้าที่ในการตรวจคัดกรองหากลุ่มเสี่ยง ทำให้ช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ไปได้มาก การผสมผสานระหว่างความเอาใจใส่ผู้ป่วย และการมีภาคีร่วมที่ดี ทำให้การขับเคลื่อนด้านสุขภาพเป็นไปได้อย่างราบรื่น และสามารถเข้าถึงในมิติของชุมชน ที่ความรู้ทางการแพทย์อย่างเดียวไม่สามารถเข้าถึงได้

หลังจากผ่านการดำเนินงานมาได้ 2 ปี โรงเรียนสุขภาพสามารถจัดการกับพฤติกรรมของผู้ป่วยได้ โดยสังเกตจากผลการมีภาวะแทรกซ้อนเพียงร้อยละ 1.49 ของจำนวนผู้ป่วย จึงมีแนวคิดที่จะขยายการให้ความรู้ไปสู่กลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานต่อไป

"ในปี 2550 กลุ่มมีแนวคิดที่จะหันมาให้ความรู้เกี่ยวกับการลดพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อเลี่ยงการเกิดเบาหวาน โดยการจัดค่ายสอนวิธีการออกกำลังกายที่ถูกวิธี เช่น การทำโยคะสมาธิ ให้ความรู้เรื่องอาหารแลกเปลี่ยน สอนให้ดูแลตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งหมอ ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการที่จะบ่งบอกการเกิดเบาหวาน วิธีการปฏิบัติเพื่อลดน้ำตาล ซึ่งทั้งหมดจะมีคู่มือการดูแลตัวเอง ที่ทีมสุขภาพเป็นผู้จัดทำขึ้น"

จากเรื่องราวความใกล้ชิดผู้ป่วยของหมออนามัยเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า การดูแลผู้ป่วยเบาหวานไม่ใช่เพียงแต่อาศัยวิทยาการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ความเข้าใจในข้อจำกัดของผู้ป่วย วิถีชีวิตของผู้ป่วยเบาหวาน ก็ถือเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้การรักษาผู้ป่วยเบาหวานประสบผลสำเร็จมากขึ้น

 

ป้ายคำ:
  • โรคเรื้อรัง
  • เบาหวาน
  • ชีพจร UC
  • เบาหวาน
  • สปสช สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
  • อ่าน 4,034 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

268-016
วารสารคลินิก 268
เมษายน 2550
ชีพจร UC
สปสช สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <