ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.....นับเป็นร่างกฎหมายที่ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมากในเวลานี้ เพราะเป็นการปฏิรูปความคิดและวิธีการจัดการเมื่อเกิดปัญหาความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข และจะเป็นความก้าวหน้าในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากบริการสาธารณสุข หลังจากมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ได้บุกเบิกเรื่องนี้ไว้ระดับหนึ่งแล้ว
ปัญหาการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตโดยสาเหตุจากความผิดพลาดทางการแพทย์ในกระบวนการรักษาพยาบาล (Medical errors) ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ในระบบสาธารณสุขยุคปัจจุบัน กลไกที่ถูกใช้เพื่อแก้ปัญหาเป็นหลักก็คือ การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางศาล เพราะความเชื่อว่าค่าใช้จ่ายจากการถูกฟ้อง จะเป็นแรงจูงใจให้บุคลากรการแพทย์เกิดความระมัดระวัง และเน้นความปลอดภัยในขณะให้บริการมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากประเทศต่างๆ ชี้ว่าการฟ้องร้องค่าเสียหายมีจุดอ่อนในหลายด้าน ทั้งทำลายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย เพราะนำไปสู่การเผชิญหน้า ไม่ไว้วางใจ นำไปสู่การปกปิดข้อมูล และขาดความจริงใจในการเผชิญหน้าและแก้ไขปัญหาความผิดพลาด นอกจากนี้ โอกาสที่ผู้ป่วยจะชนะคดีมีน้อย อีกทั้งวิธีการต่อสู้ทางศาลได้สร้างความเครียดทั้งสองฝ่าย และมีค่าใช้จ่ายสูง
ที่สำคัญ การเน้นแก้ปัญหาด้วยการฟ้องร้อง ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และพบว่าในต่างประเทศ แพทย์ยอมจ่ายค่าเบี้ยประกันในราคาสูงๆ เพื่อคุ้มครองการถูกฟ้องร้อง เช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา และพบว่าแพทย์เพิ่มขั้นตอนการตรวจรักษามากเกินความจำเป็น
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เกิดแนวคิดการปฏิรูประบบการรับผิดจากความผิดพลาดทางการแพทย์ในอีกมิติหนึ่ง นั่นคือ ระบบการชดเชยความเสียหายโดยไม่กล่าวโทษ (no-blame compensation)
ระบบการชดเชยโดยไม่กล่าวโทษมีหลักการว่า เมื่อมีความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ ผู้ป่วยหรือญาติร้องขอรับค่าชดเชย ระบบจะทำการตรวจสอบว่าความเสียหายเกิดจากการให้บริการทางการแพทย์หรือไม่ ถ้าใช่ จะตรวจสอบต่อไปว่า เป็นความเสียหายที่เข้าเกณฑ์ เช่น ระดับความรุนแรง ถ้าเข้าเกณฑ์ความรุนแรงตามที่กำหนดจะชดเชยให้ทันที กระบวนการจะเร็วกว่าทางศาลและกระบวนการตรวจสอบจะค้นหาสาเหตุของความเสียหาย ไม่เพ่งโทษที่ตัวแพทย์ แต่ใช้บทเรียนจากความผิดพลาดนำมาปรับปรุงความปลอดภัยจากการรับบริการทางการแพทย์ต่อไป
ระบบดังกล่าวใช้แนวคิดด้านบวกในการสร้างความปลอดภัยแก่ผู้ป่วยและเพิ่มคุณภาพการให้บริการสาธารณสุข โดยอยู่บนฐานความเชื่อว่า ความผิดพลาดที่ทำให้เกิดความเสียหายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และความรู้สึกของแพทย์ที่ว่าปลอดจากการคุกคามของการถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจะสนับสนุนให้ผู้ที่ทำงานผิดพลาดกล้าถ่ายทอดประสบการณ์ความผิดพลาด เปิดใจเรียนรู้ และให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงในบางประเทศที่มีการใช้ระบบนี้ เช่น ประเทศสวีเดน
ที่ผ่านมา หลายประเทศได้ยอมรับระบบดังกล่าวและนำไปปรับใช้ในหลายรูปแบบ สำหรับในประเทศไทย ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ...ได้จัดทำเสร็จแล้ว โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากนั้นปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม และได้เสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การมีกฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้วิกฤตความขัดแย้งระหว่างแพทย์และผู้ป่วยถูกคลายปมสมดังที่สังคมตั้งใจ
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้