Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ภัยพิบัติ (13)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ภัยพิบัติ (13)

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มิถุนายน 2550 00:00

3. แผ่นดินถล่ม
แผ่นดิน (landslides) หมายถึงภาวะที่มีการเคลื่อนไหวของผืนดินหรือสิ่งบนดินจนเกิดภาวะหินถล่ม (rock falls), ผืนดินเลื่อน/ทรุด (landslides/slumps), โคลนถล่ม (mud flows), หิมะถล่ม (avalanches) เป็นต้น ซึ่งอาจเกิดบนที่สูงจนถึงใต้น้ำ (submarine) จากพายุฝน/หิมะ แผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ ภูเขาไฟระเบิด และอื่นๆ (ดูภาพที่ 3-5).

พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม คือ พื้นที่ที่เคยเกิดแผ่นดินถล่มมาก่อน พื้นที่ร่วนซุย พื้นที่บน/ใต้เนินเขา พื้นที่ใกล้ทางน้ำไหล เป็นต้น.

สิ่งเตือนภัยว่า อาจจะเกิดแผ่นดินถล่ม ให้ดูตารางที่ 9.

ตารางที่ 9. สิ่งเตือนภัยแผ่นดินถล่ม.
 

1. มีน้ำซึม น้ำไหล หรือดินชุ่มน้ำ ในพื้นที่ที่ไม่เคยเปียกชุ่มมาก่อน
2. มีรอยแยก/รอยโป่งขึ้นบนพื้นดิน ทางเดิน หรือถนน โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณเนินเขา
3. ผืนดินแยกออกจากตัวบ้าน/อาคาร
4. ส่วนที่ชิดกับบ้าน เช่น ระเบียง บันไดนอกบ้าน แยกห่างจากตัวบ้าน
5. มีรอยแยกที่พื้นคอนกรีต ผนังปูน หรืออื่นๆ
6. ท่อประปา หรือท่อก๊าซใต้ดินรั่ว
7. เสาไฟฟ้า/โทรศัพท์ ต้นไม้ รั้วบ้าน เอียง/เอนจากที่เดิม
8. พื้นดิน/พื้นถนนยุบ
9. น้ำในลำธารสูงขึ้นอย่างรวดเร็วผิดสังเกต
10. น้ำในลำธารลดระดับลงอย่างกะทันหันทั้งที่ฝนยังตกอยู่หรือเพิ่งหยุดตก
11. ประตู/หน้าต่างเปิดปิดลำบาก หรือมีช่องว่างระหว่างมันกับกรอบประตูหน้าต่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
12. เสียงคล้ายฟ้าคำรามหรือคลื่นซัด ซึ่งเริ่มขึ้นเบาๆ แล้วดังขึ้นๆ เมื่อแผ่นดินถล่มเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา


                     
        ภาพที่ 3.
การเคลื่อนที่ของแผ่นดินตั้งแต่การคืบตัวของพื้นดิน การไหลของโคลน (โคลนถล่ม) 
                       การเลื่อนหลุดเป็นกระบิไปจนถึงแผ่นดินถล่ม.


                      
                                                        ภาพที่ 4.
ชนิดของแผ่นดินถล่ม.

                    
                     ภาพที่ 5.
แผ่นดินถล่มในประเทศไทยจาก พ.ศ. 2531-2547 (กรมทรัพยากรธรณี 
                                      กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)

 


ก่อนเกิดเหตุ :
เนื่องจากภาวะแผ่นดินถล่ม มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน พื้นที่เสี่ยงต่างๆ (ดูที่กล่าวไว้ข้างต้น) จึงควรมีหน่วยระวังภัยคอยเฝ้าดูสิ่งเตือนภัยแผ่นดินถล่ม (ตารางที่ 9) และรีบออกประกาศ ห้ผู้คนอพยพโยกย้ายสู่ที่ปลอดภัยไว้ก่อน.

แต่ที่ดีกว่าคือ การไม่สร้างที่พักอาศัยในพื้นที่ เสี่ยง แต่ถ้าจำเป็นจะต้องสร้างที่พักอาศัยในพื้นที่เสี่ยง เช่น เนินเขา ก็ต้องวางรากฐานของที่พักอาศัยให้แข็งแรง และพยายามสร้างเป็นแนวยาวลาดลงสู่ด้านล่าง (แทนที่จะเป็นแนวตัดขวาง) มีร่องน้ำใหญ่และถนนต่ำกว่าแนวบ้านและเป็นแนวยาวลงมาสู่ด้านล่างให้น้ำ ดิน หิน โคลน ไหล/ร่วงลงสู่ด้านล่างได้สะดวก จะลดผลกระทบต่อที่พักอาศัยได้ดีขึ้น.

ขณะเกิดเหตุ :
แผ่นดินถล่มจำนวนไม่น้อย มักเกิดขึ้นเวลากลางคืนที่ผู้คนยังหลับอยู่ ดังนั้นหน่วยระวังภัยในพื้นที่เสี่ยงจึงมีความสำคัญมากในการทำให้ผู้คนตื่นขึ้น และรีบโยกย้ายออกจากที่พักอาศัยของตนไปยังที่ปลอดภัย.

ผู้ที่หนีไม่ทัน ควรหลีกเลี่ยงจากทางไหล/ร่วงของน้ำ หิน ดิน และโคลนและพยายามเข้าไปอยู่ในบ้าน/อาคารที่แข็งแรง หรือกำบังตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ โดยพยายามขดตัวเป็นก้อนกลมแล้วใช้มือและแขนครอบคลุมศีรษะของตนไว้.

หน่วยหาและกู้ (ที่เราชอบเรียกกันว่า หน่วยกู้ภัย) จะต้องประเมินพื้นที่ที่แผ่นดินถล่มให้ชัดเจนก่อนเข้าสู่พื้นที่ เพราะพื้นที่ที่แผ่นดินเพิ่งถล่มและบริเวณใกล้เคียงอาจมีแผ่นดินถล่มซ้ำหรือซ้อนได้ และส่วนใหญ่เราจะไม่มีนักธรณีวิทยาหรือวิศวกร ผู้ชำนาญในเรื่องนี้อยู่ในพื้นที่พอที่จะช่วยเราวิเคราะห์ถึงสภาพของดิน หิน และอื่นๆ ได้ทันท่วงที จึงควรมีการแบ่งพื้นที่อย่างคร่าวๆ ดังนี้

1. แดนอันตราย (hot zone) คือ บริเวณที่แผ่นดินถล่ม และ/หรือเป็นทางไหล/ร่วงของน้ำ หิน ดิน โคลนและ/หรือสิ่งอื่นๆ และบริเวณขอบของพื้นที่นั้น.

ผู้ที่จะเข้าไปในแดนอันตราย จะต้องได้ รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ และต้องมีอุปกรณ์ป้องกันภัยต่างๆ เช่น หมวกกันน็อก เสื้อกู้ชีพ รองเท้าบู๊ต เชือกยึดตัวกับสิ่งที่มั่นคง (เช่น ต้นไม้ใหญ่ ก้อนหินใหญ่) ที่อยู่นอกแดนอันตราย แล้วยังต้องมีอุปกรณ์เพื่อช่วยหาและกู้ผู้ที่ถูกน้ำ หิน ดิน โคลน ถล่มทับด้วย เช่น จอบ เสียม กระดาน/แพ/เปล เชือก ห่วงยาง เพื่อช่วยผู้บาดเจ็บ.

ผู้ที่จะช่วยให้รอดชีวิตได้มักจะอยู่ใกล้ๆ ขอบของแดนอันตราย (ไม่เกิน 1 ใน 4 ของความกว้างของแดนอันตราย) ส่วนตรงกลาง (ประมาณ 50% ของความกว้าง) เป็นส่วนที่อันตรายมาก และผู้ที่อยู่ในพื้นที่ส่วนนั้นมักจะเข้าถึงได้ยาก (และเสี่ยงมากสำหรับผู้ที่จะเข้าไปช่วย) และมักจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนไม่ค่อยรอด จึงควรพยายามช่วยคนที่ช่วย ได้ (ใกล้ๆ ขอบ) ก่อน.

คนที่จมโคลนตั้งแต่ระดับเอวขึ้นมา (ถึงคอ) จะไม่สามารถดึงขึ้นมาจากหล่มโคลนได้ด้วยเชือก เพราะจะมีแรงดูดลำตัวส่วนล่างไว้ จึงต้องขุดโคลนโดยรอบตัวออกก่อน หรือต้องใช้น้ำ (เช่นจากท่อน้ำดับเพลิง) ฉีดไล่โคลนรอบตัวออกไป หรืออื่นๆ จึงจะดึงผู้ป่วยขึ้นจากหล่มโคลนได้.

ผู้เข้าไปช่วยผู้ป่วยจะต้องระลึก และระวังความปลอดภัยของตนเองตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้า น้ำ-หิน-ดิน-โคลน เหล่านั้นเปื้อนสารพิษ และมีหน้าที่หลักคือนำผู้ป่วยออกจากแดนอันตรายไปส่งต่อที่แดนเสี่ยง.

2. แดนเสี่ยง (warm zone) คือพื้นที่ระหว่างแดนอันตรายกับแดนปลอดภัย บุคลากรที่เข้าไปในพื้นที่นี้ต้องสวมชุดป้องกันภัยด้วยและรีบนำผู้ป่วยที่ถูกส่งมาจากแดนอันตรายไปส่งต่อที่แดนปลอดภัย.

3. แดนปลอดภัย (cold zone
) คือพื้นที่ที่อยู่ห่างจากขอบแดนอันตราย

3.1 อย่างน้อย 30 เมตร ในกรณีที่แดนอันตรายเป็นเพียงแนวแคบๆ และกระแสน้ำ-หิน- ดิน-โคลนไม่รุนแรงนัก.

3.2 อย่างน้อย 150 เมตร ในกรณีที่แดนอันตรายเป็นแนวกว้างและกระแสน้ำ- หิน-ดิน-โคลน ค่อนข้างเชี่ยว/รุนแรง.

3.3 อย่างน้อย 300 เมตร ในกรณีที่แดนอันตรายเป็นแนวกว้าง และ/หรืออยู่บนที่ลาดชันตั้งแต่ 25๐ ขึ้นไป.

แต่ในกรณีที่ฝนยังตกหนักและต่อเนื่อง แดนปลอดภัยจะต้องอยู่ห่างจากแดนอันตรายมากกว่าระยะทางที่ให้ไว้ข้างต้น.

แดนปลอดภัย คือ พื้นที่ที่บุคลากรสาธารณสุขจะไปตั้งหน่วยคัดแยกและปฐมพยาบาลผู้ป่วย บุคลากรสาธารณสุขไม่ควรเข้าไปในแดนอันตรายและแดนเสี่ยง นอกจากจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นทีมหาและกู้ (search and rescue team) ด้วย.

หลังการคัดแยกและปฐมพยาบาลผู้ป่วยแล้ว  ต้องรีบส่งผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อไปยังโรงพยาบาลที่สามารถรักษาผู้ป่วยในแต่ละระดับความรุนแรงโดยเร็วที่สุด และพยายามกระจายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ถ้าทำได้ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยไป "กระจุก" กันอยู่ในโรงพยาบาลเดียว.

หลังเกิดเหตุ :
นอกจากการรักษาพยาบาลผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้ดีกว่าแล้ว บุคลากรสาธารณสุขยังต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูหลังภัยพิบัติทั้งสำหรับโรงพยาบาล และสำหรับชุมชนด้วย (ดูภัยพิบัติตอนที่ 10 คลินิกฉบับเดือนมีนาคม 2550).


                      
                  ภาพที่ 6.
ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว (วงกลมเล็กๆ ในรูป) ที่เคยเกิดขึ้นทั่วโลก 
                                   จะเห็นว่าในประเทศไทยจะเกิดขึ้นทางภาคเหนือและชายแดนด้านตะวันตก.

4. แผ่นดินไหว
แผ่นดินไหว (earthquake) หมายถึง ภาวะที่มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของแผ่นดินในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเกิดจากแรงเสียดทานระหว่างชั้นหิน และชั้นดินใต้ผิวโลก ตามรอยเลื่อน (fault lines) ของเปลือกโลกที่มีพลังและยังเคลื่อนตัวอยู่ รวมทั้งในบริเวณภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ การระเบิดของภูเขาไฟจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้

พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว คือ พื้นที่ที่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน (ภาพที่ 6) พื้นที่ในบริเวณรอยเลื่อนของเปลือกโลก พื้นที่บริเวณภูเขาไฟ เป็นต้น.

ขนาดของแผ่นดินไหว
< 5 ริกเตอร์         ไม่รุนแรง                รู้สึกได้ สิ่งห้อย/แขวนแกว่งไกว
5-5.9 ริกเตอร์      รุนแรงน้อย             เครื่องเรือนเคลื่อนที่ ถ้วยชามตกแตก
6-6.9 ริกเตอร์      รุนแรงปานกลาง     อาคารเสียหาย/พังทลาย
ณ 7 ริกเตอร์         รุนแรงมาก             อาคารพังทลาย แผ่นดินแยก


ก่อนเกิดเหตุ :
ในปัจจุบัน ยังไม่มีสิ่งเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับภาวะแผ่นดินไหว ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ควรสร้างบ้านและอาคารให้ทนทานต่อภาวะแผ่นดินไหวได้ตามสมควร การวางท่อก๊าซ ท่อประปา และเสาไฟต่างๆ ต้องเตรียมมาตรการไว้ปิดท่อหรือตัดไฟได้เป็นช่วงๆ ในยามที่ท่อแตกหรือรั่ว หรือเสาไฟล้ม มิฉะนั้นจะทำให้เกิดไฟไหม้/น้ำท่วม/ไฟฟ้าลัดวงจร และอันตรายอื่นๆ ได้.

ในพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหวบ่อยๆ ควรมีการฝึกซ้อมประชาชนให้รู้จักการป้องกันตนเองในขณะที่มีแผ่นดินไหว เช่น ให้ออกไปอยู่ในที่โล่ง ใช้หมอนหรือสิ่งอื่น คลุมศีรษะของตนไว้ อย่ารีบกลับเข้าไปในบ้าน/อาคารหลังแผ่นดินไหว เพราะอาจมีการไหวอีก (after-shocks) ทำให้บ้าน/อาคารที่ร้าวอยู่จากการไหวครั้งแรกพังลงมาได้.

ขณะเกิดเหตุ : ผู้คนควรรีบออกจากบ้าน/อาคารมาอยู่ในที่โล่ง ถ้าออกมาไม่ทัน ให้มุดเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ/เตียงที่แข็งแรงพอ และใช้มือและแขนทั้ง 2 คลุมศีรษะไว้ เมื่อแผ่นดินหยุดไหว ให้รีบออกจากบ้าน/อาคารมาสู่ที่โล่งโดยเร็ว และรอจนกว่าอาการไหวซ้ำจะค่อยๆ ซาลง จนไม่มีอันตรายจึงค่อยกลับเข้าบ้าน.

โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ควรเตรียมส่งทีมกู้ชีพพร้อมเวชภัณฑ์ไปยังที่เกิดเหตุ ในภาวะแผ่นดินไหวรุนแรง ถนนและสะพานอาจถล่ม ทำให้การเข้าสู่ที่เกิดเหตุต้องอาศัยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น จึงต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ให้ทราบถึงความเป็นไปได้ในการส่งทีมกู้ชีพ/ทีมปฐมพยาบาลไปยัง ที่เกิดเหตุ.

ผู้ป่วยจากแผ่นดินไหวมักบาดเจ็บจากบ้าน/อาคารถล่ม ไฟไหม้ (ท่อก๊าซรั่ว) น้ำท่วม (ท่อประปาแตก) การหายใจเอาควันไฟ/ฝุ่น/สารพิษเข้าไป การขาดที่พักอาศัย (หนาวตาย ฯลฯ) กลุ่มอาการจากแรงอัด/ทับ (crush syndrome) การกำเริบของโรคเดิม (เช่น โรคหัวใจ/ปอด เบาหวาน) เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาตามความเหมาะสม.

หลังเกิดเหตุ :
นอกจากการรักษาพยาบาลผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาที่ดีกว่าแล้ว บุคลากรสาธารณสุขยังต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูหลังภัยพิบัติทั้งสำหรับโรงพยาบาลและสำหรับชุมชนด้วย (ดูภัยพิบัติตอนที่ 10 คลินิกฉบับเดือนมีนาคม 2550)

สันต์ หัตถีรัตน์ พ.บ.
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • Guideline
  • ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์
  • อ่าน 4,151 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

270-018
วารสารคลินิก 270
มิถุนายน 2550
Guideline
ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <