Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ภัยพิบัติ (16)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ภัยพิบัติ (16)

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กันยายน 2550 00:00


                                           

9. ภัยพิบัติฝูงชน
ภัยพิบัติฝูงชน
(crowd or mass gathering disaster) หมายถึง การบาดเจ็บ ล้มตายเมื่อมีผู้คนจำนวนมากมาร่วมกันอย่างแออัดยัดเยียดแล้วเกิดการผลัก/อัด/เบียด/ ล้มทับ/เหยียบกันตาย (human stampede) หรือเกิดความไม่สงบ (civil unrest) หรือการจลาจล (riot) หรืออื่นๆ.
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภัยพิบัติฝูงชน (อาจทำให้จำได้ง่ายขึ้นโดยคำย่อ FIST หรือ Force, Incitement, Space และ Time) คือ

1. จำนวนคนและแรงผลัก/เบียด (Force) จำนวนคนและแรงผลัก/เบียดจะมาก หรือน้อยย่อมขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนคนกับขนาดของพื้นที่และสภาพร่างกายของผู้คนในฝูงชน เช่น ในโรงภาพยนตร์หรือไนท์คลับ คนไม่กี่ร้อยคนที่แออัดยัดเยียดกันอยู่ ถ้ามีคนตะโกนว่าไฟไหม้หรือระเบิด และเกิดการแตกตื่นแย่งกันหนีออกทางประตูแคบๆ จะเกิดการผลัก/เบียด/เหยียบกันตายได้ โดยเฉพาะเด็ก สตรี และคนชราที่อ่อนแอกว่า เป็นต้น.

2. สิ่งกระตุ้น (Incitement or information) อาจจะเป็นเหตุการณ์หรือข้อมูล (ข่าวจริง ข่าวลือ) ที่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจ หรือกลัวว่าจะไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการ (เช่น จตุคามรามเทพ การเข้าชมกีฬา/คอนเสิร์ต) หรือโกรธ จนเกิดการวิ่ง/การผลัก/การลุกฮือขึ้นพร้อมๆ กัน จนไม่สามารถควบคุมได้ เป็นต้น.

3. พื้นที่ (Space) ขนาดและสภาพของพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดภัยพิบัติ เช่น พื้นที่แคบ สะพาน/อัฒจันทร์/ท่าเรือ (โป๊ะข้ามฟาก) ที่ไม่แข็งแรง พื้นที่ใกล้สิ่งอันตราย (ดอกไม้ไฟ พลุ บั้งไฟ ฯลฯ) อากาศร้อน/หนาวเกินไป เป็นต้น.

ในที่ที่มีฝูงชนรวมกันอย่างแออัด แล้วเกิดเหตุการณ์หรือข่าวที่ทำให้เกิดการแตกตื่นหรือลุกฮือขึ้น ฝูงชนจะเกิดปฏิกิริยาคล้ายกันและตามกันไปเป็น พรวน จนบางครั้งแม้จะมีประตู/ทางออกหลายแห่ง แต่ฝูงชนมักจะแห่กันไปออกทางประตู/ทางออกที่มีคนกลุ่มแรก (ซึ่งเปรียบเสมือน "จ่าฝูง") วิ่งออกไปก่อน แทนที่จะกระจายกันออกทางประตู/ทางออกอื่น จึงเกิดการแย่งชิงกัน ผลัก/เบียดกัน จนล้มและเหยียบกันตายขึ้น.

อนึ่ง ประตู/ทางออกที่แคบและผ่านได้ทีละคน จะทำให้มีการ "เข้าคิว" กันเดินออกอย่างเป็นระเบียบ และทำให้ระบายคนได้เร็วกว่าประตู/ทางออกที่ออกได้หลายคนพร้อมกัน ซึ่งในยามแตกตื่น ผู้คนจะวิ่งแย่งชิงกันออก ทำให้เกิดการผลัก/เบียดกัน จนออกได้ยากขึ้นและทำให้ระบายคนได้ช้าลง และเกิดภัยพิบัติเพิ่มขึ้น.

ดังนั้น ถ้าประตูหรือทางเข้า-ออกกว้าง จะต้องมีเชือกหรือแผงกั้นเป็นหลายช่อง โดยแต่ละช่องกว้างพอให้คน 1 คนผ่านได้เท่านั้น จึงจะทำให้การระบายคนเข้า-ออกเป็นระเบียบและรวดเร็ว และลดการบาดเจ็บล้มตายลงได้.

4. เวลา (Time) ระยะเวลาทั้งหมดที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ ถ้าสั้น การบาดเจ็บล้มตายจะน้อย ถ้ายาว (เพราะคุมสถานการณ์ไม่ได้) การบาดเจ็บล้มตายจะมาก.

รูปแบบของภัยพิบัติฝูงชน ที่สำคัญคือ
1. การอัด/เหยียบกันตาย (human stampede) การแตกตื่นของฝูงชนจะทำให้เกิดการวิ่ง/ผลัก/เบียด/อัด/ล้ม/เหยียบกันจนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งนอกจากจะเกิดจากการล้มทับกัน/เหยียบกันแล้ว ยังเกิดจากการถูกอัดกับของแข็ง (เช่น กำแพง ประตูเหล็ก คนที่แข็งแรงกว่า) จนหายใจไม่ได้ (compressive asphyxia) และมักมีการบาดเจ็บแบบอัด (crush injury) ที่อก และ/หรือท้องด้วย ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากแรงดันเลือดดำที่สูงขึ้นทันที (acute severe venous hypertension).

ทำให้หัวใจหยุดเต้น (asystolic cardiac arrest) ชักต่อเนื่อง (status epilepticus) สับสนอยู่นาน (prolonged confusion) ตาถลน/ตาบอด หน้าบวม มีจุดเลือดออก (petechiae) เลือดออกที่ตาขาว (subconjunctival hemorrhage) จ้ำเลือด (ecchymosis) ที่หน้าและอก เป็นต้น.

การบาดเจ็บอื่น เช่น ซี่โครงหัก อกรวน (flail chest) ปอดช้ำ (pulmonary contusion) ลมในช่องอก (pneumothorax) หัวใจช้ำ (myocardial contusion) ข้อเคล็ด/แพลง กระดูกหัก ตับ/ม้ามแตก เลือด ออกในกระเพาะลำไส้ ช็อก ไตล้มเฉียบพลัน กล้ามเนื้อสลายตัว (rhabdomyolysis).

การรักษาขั้นต้นจะมุ่งไปที่การช่วยการหายใจและการไหลเวียนเลือดเป็นสำคัญ.

2. การก่อความไม่สงบและการจลาจล (civil unrest and riots) ซึ่งการบาดเจ็บล้มตายเกิดได้ทุกรูปแบบ เช่น ถูกตี ถูกแทง ถูกลูกปืน ถูก ระเบิด ถูกชน (ด้วยรถ ด้วยคน ฯลฯ) ถูกแก๊สน้ำตา (tear gas) ถูกสิ่งแสบร้อนพ่น (pepper spray) ถูกไฟไหม้/ลวก เป็นต้น.

การรักษาขั้นต้น จึงเป็นเช่นเดียวกับการรักษาการบาดเจ็บเฉียบพลันต่างๆ โดยทั่วไป.

การก่อความไม่สงบหรือการจลาจล แม้เมื่อเริ่มต้นมักจะเกิดในพื้นที่จำกัด แต่เมื่อเนิ่นนานออกไป มักจะแผ่ขยายและกระจายออกไปทั่วเมืองหรือทั่วประเทศได้ ขึ้นอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจอย่างกว้างขวางเพียงใดและขึ้นอยู่กับวิธีการแก้ปัญหาและความศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม/ความชอบธรรมของวิธีการแก้ปัญหานั้น.

คนที่รวมกันอยู่เป็นจำนวนมากเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน มักจะคิดเห็นและกระทำการไปในทิศทางเดียวกัน (group cohesion) ซึ่งถ้ามีสิ่งที่ไปกระตุ้นให้โกรธหรือไม่พอใจ อาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงหมู่ (mob mentality) ทำให้เกิดการจลาจลได้ โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับศาสนา สีผิว ชนชั้น หรือการเมือง จึงเกิดการทุบ/ทำร้าย/ทำลาย/เผา/ลักขโมย และอื่นๆ โดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและคำสั่งใดๆ.

ภัยพิบัติฝูงชนนอกจากจะเกิดจากการบาดเจ็บต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังเกิดจากภาวะเหนื่อย ล้า/หมดแรง (exhaustion) ป่วยเพราะร้อน (heat-related illness) พิษสุรา/ยาเสพติด โรคเดิม (หัวใจ ปอด ฯลฯ) กำเริบ และอื่นๆ.

ก่อนเกิดเหตุ : การรวมกลุ่มของฝูงชนมักจะรู้/คาดการณ์ได้ล่วงหน้า โดยเฉพาะเกี่ยวกับการกีฬา คอนเสิร์ต พิธีกรรมทางศาสนา และอื่นๆ.

ผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้จัด ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน หน่วยงานฉุกเฉินต่างๆ ควรจะได้ปรึกษาหารือกัน และหาทางป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติฝูงชนที่อาจเกิดขึ้นได้.

โดยคาดการณ์ถึง จำนวนคนและแรงผลัก (F) สิ่งกระตุ้น (I) พื้นที่ (S) และเวลา (T) ดังกล่าวข้างต้น และรูปแบบของภัยพิบัติและลักษณะการบาดเจ็บที่ น่าจะเกิดขึ้น เพื่อเตรียมบุคลากร ยานพาหนะ อุปกรณ์เวชกรรม และวิธีการเข้าถึงผู้ป่วย (วิธีการเข้าถึงผู้ป่วย หรือการนำผู้ป่วยออกจากฝูงชนที่แออัดยัดเยียดมักจะทำได้ยากและเสียเวลามากจนอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้) รวมทั้งการบริการอาหาร น้ำ และห้องสุขา การห้ามจำหน่ายสุราและสิ่งที่ทำให้เกิดการมึนเมา อันจะนำมาซึ่งการทะเลาะวิวาทกันได้ง่าย เป็นต้น.

ในบางประเทศ จะให้มีแพทย์ 1-2 คนต่อฝูงชน 50,000 คน มีพยาบาลเวชศาสตร์ฉุกเฉินหรือบุคลากร เวชศาสตร์ฉุกเฉิน (paramedic) 1-2 คนกับบุคลากรผู้ช่วย (emergency medical technician) 1-2 คนต่อฝูงชน 10,000 คน และมีบุคลากรปฐมพยาบาล (basic first-aid provider) 1 คนต่อฝูงชน 1,000 คน โดยประจำอยู่ในตำแหน่งที่ฝูงชนในส่วนต่างๆ จะสามารถเดินไปยังตำแหน่งนั้นๆ ได้ภายใน 5 นาที โดยจะต้องมีเสาธงสูงๆ เพื่อบอกตำแหน่งอย่างชัดเจน (เช่น ธงกาชาด) และมีรถเล็กๆ เช่น รถจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงให้ด้านข้างเป็นเปลสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ในที่แออัดหรือที่แคบ เพื่อส่งไปยังหน่วยฉุกเฉินนอกที่ชุมนุมที่สามารถให้การรักษาพยาบาลที่เพียบพร้อมกว่า ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล เป็นต้น.

การมีแพทย์ที่ชำนาญ (เช่น แพทย์ฉุกเฉิน) ประจำอยู่ที่หน่วยฉุกเฉิน จะช่วยให้การคัดแยกผู้ป่วยและการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้น และทำให้จำนวนผู้เจ็บป่วยที่จะต้องส่งโรงพยาบาลลดลง.

อนึ่ง การมีตำรวจนอกเครื่องแบบ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาฝูงชนและการดูแลฝูงชนปะปนอยู่กับฝูงชน จะช่วยให้การสอดส่อง ดูแล และควบคุมกลุ่มคนเล็กๆ ที่เริ่มมีพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย กลายเป็นภัยพิบัติฝูงชนได้.

จุดอ่อนที่ทำให้เกิดภัยพิบัติฝูงชน เช่น
1. ไม่มีกฎหมายหรือกฎระเบียบเกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำเพื่อป้องกันภัยพิบัติฝูงชนในสภาวะฝูงชนแต่ละเหตุการณ์ เช่น กีฬา คอนเสิร์ต พิธีกรรมทางศาสนา การชุมนุมทางการเมือง/การนัดหยุดงาน เป็นต้น.

2. ไม่มีการประสานงานกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัย/กู้ชีพ/ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หน่วยบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปกครอง แพทย์ พยาบาล และอื่นๆ เพื่อเตรียมการรับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น.

3. ไม่มีการวางแผนและซ้อมแผนร่วมกันระหว่างฝ่ายต่างๆ จึงไม่มีผู้สั่งการที่มีอำนาจสั่งการแต่ผู้เดียว และไม่มีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจนในการปฏิบัติในด้านต่างๆ ทางด้านการแพทย์ก็จะต้องมีแพทย์ที่มีอำนาจสั่งการในด้านการแพทย์เพียงคนเดียวเช่นกัน.

4. คาดการณ์ผิดพลาด เช่น ในด้านปริมาณ/ลักษณะของฝูงชน ในด้านภูมิอากาศ/การก่อการร้าย.

5. ไม่ได้เตรียม/ฝึกอบรม/ฝึกซ้อม บุคลากรและวัสดุอุปกรณ์สำหรับการเผชิญภัยพิบัติฝูงชน เป็นต้น.

ขณะเกิดเหตุ : ให้การดูแลรักษาผู้เจ็บป่วย ตามสภาวะการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับภาวะภัยพิบัติอื่นๆ โดยต้องรักษาความปลอดภัยของบุคลากร ให้พ้นจากความรุนแรงของฝูงชนและของเหตุการณ์นั้นๆ ด้วย.

หลังเกิดเหตุ
: ควรดำเนินการตามแผนฟื้นฟูสำหรับโรงพยาบาลและชุมชนด้วย.

สันต์ หัตถีรัตน์ พ.บ.
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ มหาวิทยาลัยมหิดล

  

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • Guideline
  • ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์
  • อ่าน 5,903 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

273-017
วารสารคลินิก 273
กันยายน 2550
Guideline
ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <