Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » "เกษตรแฟร์" ณ น่าน
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

"เกษตรแฟร์" ณ น่าน

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 ตุลาคม 2550 00:00

"อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์" ฉบับที่ผ่านมา ได้นำเสนอความพยายามของนักวิชาการสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงาน ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม ในการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบอาชีพของเกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีกลยุทธ์หลักคือ การ "สู้ด้วยข้อมูล" กล่าวคือ ทำการเก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการเพาะปลูกของเกษตรกร การใช้สารเคมีทางการเกษตร พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคขณะทำงาน และอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นฐานในการคิดกิจกรรมดูแลสุขภาพ และต่อมาในเวลาไม่นานนัก ผู้เขียนได้มีโอกาสรับฟังการนำเสนอผลการดำเนินงานของนักวิชาการอีกท่านหนึ่ง ซึ่งมีความสนใจในกิจกรรมที่คล้ายคลึงกัน และเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพเกษตรกร จึงจะขอนำเสนอเป็นภาคต่อจากบทความชุดที่แล้ว.

คนเบื้องหลัง
คุณเนรมิตร เมธาชัยวิวัฒน์ เป็นนักวิชาการสาธารณสุข ปฏิบัติงานที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน มากว่า 2 ทศวรรษแล้ว และประมาณต้นปีพ.ศ. 2549 ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานอาชีวอนามัยของจังหวัด.

ถึงแม้จะเป็นงาน "ใหม่" แต่คุณเนรมิตรก็มีแนวทางในการทำงานที่น่าสนใจ กล่าวคือ ให้ความสำคัญกับประเด็น อาชีวอนามัยของเกษตรกรและแรงงานนอกระบบมากกว่ากลุ่มพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกือบทั้งหมดของจังหวัด และเน้นการสร้างศักยภาพเจ้าหน้าที่ในการดูแลกลุ่มประชากรในเขตรับผิดชอบของตนเอง โดยปรับวิธีการทำงานจากการเก็บข้อมูลเพื่อการจัดทำรายงาน เป็นการนำข้อมูลมาออกแบบการดูแลสุขภาพกลุ่มเกษตรกรตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ ภายใต้โครงการ "หนึ่งอำเภอ หนึ่งตำบล" และกำหนดให้ต้องมีทีมงานร่วมกันระหว่างพยาบาลวิชาชีพของโรงพยาบาลกับนักวิชาการจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) และสถานีอนามัย (สอ.) 1 แห่งจากแต่ละอำเภอ. เมื่อใกล้สิ้นสุดปีงบประมาณ คุณเนรมิตรก็ได้จัดเวทีให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยตัวแทนจากทุกอำเภอมานำเสนอผลการดำเนินงาน พร้อมไปกับการเสริมความรู้ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานต่อไป.

คนเบื้องหน้า
เจ้าหน้าที่คนแรกที่นำเสนอ มาจากโรงพยาบาลบ้านหลวง ซึ่งนำเสนอด้วยภาพยนตร์สั้นประมาณ 10 นาที มีข้อความสำคัญที่ต้องการสื่อให้ถึงผู้ชมว่า เกษตรกรรู้ว่าการใช้สารเคมีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่การปรับพฤติกรรมของเกษตรกรเพียงอย่างเดียวไม่อาจส่งผลให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมีได้ เนื่องจาก "เป็นปัญหาวิถีชีวิต" กล่าวคือ เกษตรกรมักอ้างถึงความจำเป็นที่ต้องใช้สารเคมี ดังคำพูดของเจ้าของไร่ข้าวโพดที่นำเสนอในภาพยนตร์ว่า "ใช้มือถอนหญ้าไม่ทัน มันเยอะ เลยต้องใช้สารเคมี". นอกจากนั้น ยังสะท้อนอีกความคิดเห็นที่น่าสนใจว่า "การเจาะเลือดตรวจหาระดับเอนไซม์ acetylcholinesterase อาจพบความผิดปกติน้อย เพราะเกษตรกรใช้ยาฆ่าวัชพืชเป็นหลัก" ทั้งนี้เนื่องจากยาฆ่าวัชพืชที่นิยมใช้ คือ ยาฆ่าหญ้าหรือไกลโฟเสด ซึ่งมีกลไกการเป็นพิษต่างจากยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตหรือคาร์บาเมตที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ และได้จบการนำเสนอว่า "ปัญหาการใช้สารเคมีทางการเกษตร ควรเป็นนโยบายหลักและเร่งด่วนของประเทศ จะได้มีการบูรณาการ และมีความจริงจังมากกว่านี้".

ทีมงานต่อมาเป็นสถานีอนามัยในเขตอำเภอนาน้อย ซึ่งเริ่มการนำเสนอด้วยแผนที่อำเภอซึ่งมาจากอินเทอร์เน็ต1 แสดงให้เห็นพื้นที่ทำการเกษตรของตำบล. จากนั้นได้สรุปการดำเนินงานของตำบลนี้เกี่ยวกับการเจาะเลือดตรวจระดับเอนไซม์ ซึ่งพบว่าเกษตรกรที่ระบุว่าตนเอง "ไม่ใช้สารเคมี" บางคนกลับมีระดับเอนไซม์ต่ำกว่ากลุ่มที่ใช้สารเคมี และผู้นำเสนอได้สรุปว่า ถ้าเป็นไปได้ ปีต่อๆ ไป จะต้องศึกษาต่อเพื่อหาปัจจัยมาอธิบายว่าเกิดจากอะไร.

เจ้าหน้าที่จากอำเภอสองแคว ได้นำเสนอเน้นกระบวนการทำงานกับชุมชนที่เรียกว่า "คืนข้อมูลให้ชุมชน" กล่าวคือ การใช้ข้อมูลการเจ็บป่วยที่มีจำนวนมากเป็นจุดตั้งต้นในการจัดเวทีพูดคุยเพื่อก่อให้เกิดความตระหนักในกลุ่มประชากร ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ได้ผลิตน้ำ EM เองและแจกจ่าย ชักชวนให้เกษตรกรใช้จุลินทรีย์ชีวภาพในการปลูกข้าวโพด การปลูกผักปลอดสารพิษและการทำครีมหน้าเด้ง.

ทีมงานจากอำเภอท่าวังผาเน้นการลดการใช้สารเคมีคล้ายคลึงกับอำเภอสองแคว คือ แนะนำให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพแทนการใช้ปุ๋ยเคมี และใช้เครื่องตัดหญ้าร่วมกับการไถกลบ เพื่อทดแทนการใช้ยาฆ่าหญ้า. อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สรุปว่า เกษตรกรยังไม่นิยมเปลี่ยนเท่าใดนัก โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยหมักด้วยเหตุผลที่ว่า "ปุ๋ยหมักเห็นผลช้ากว่าสารเคมีเยอะ เพราะเน้นการปรับโครงสร้างดิน (ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก-ผู้เขียน)".

เจ้าหน้าที่สาวสวยคนแรกของวันนั้นมาจากอำเภอเวียงสา ซึ่งเริ่มการนำเสนอว่า "ผลเลือดดูแล้วซ้ำซาก จึงต้องอาศัยการศึกษาสถานการณ์การใช้สารเคมี เพื่อย้อนไปดูสาเหตุของความเสี่ยงต่อสุขภาพ". ข้อมูลจากการสอบถามเกษตรกร 254 รายในอำเภอพบว่า ร้อยละ 56 ของเกษตรกรซื้อสารเคมีจากร้านค้าในตลาด ขณะที่อีกร้อยละ 22 ซื้อจากหน่วยงานของธนาคารเพื่อการเกษตรซึ่งราคาต่ำกว่า เหตุที่ไม่ไปซื้อสารเคมีที่ถูกกว่า ก็เพราะที่ตั้งของจุดขายอยู่ไกลจากหมู่บ้านมากเกินไป. นอกจากนั้นยังพบว่ามีการใช้สารเคมีเคลือบเมล็ดพันธุ์กันเชื้อรา เรียกว่า "อะลาคอร์" ที่ไม่ใช่ออร์กาโนฟอสเฟตเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถตรวจพบภาวะเสี่ยงด้วยวิธีตรวจเอนไซม์ ตามปกติได้. ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่พบว่าเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างใช้จ่ายเกี่ยวกับสารเคมีทางการเกษตรเฉลี่ย 302 บาทต่อครัวเรือนต่อปีหรือคิดเป็นเม็ดเงิน 76,700 บาทต่อปีต่อทั้งตำบล.

ถึงแม้เจ้าหน้าที่จากอำเภอเชียงกลางจะใช้กระบวนการคล้ายกับหลายอำเภอที่กล่าวมาแล้ว คือ การใช้ปุ๋ยหมักแทนปุ๋ยเคมี การแปลผลระดับเอนไซม์ด้วยความระมัดระวัง และการคืนข้อมูลให้ชุมชน. แต่ประเด็นที่แตกต่างชัดเจน คือ การตั้งเป้าหมายว่า เกษตรกรควรได้รับคำแนะนำให้ใช้ชีวิตร่วมกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัย แทนการลดการใช้ เพราะเป็นไปได้ยากมาก. นอกจากนั้น ทีมงานจากอำเภอนี้ยังพบว่ากลุ่มเกษตรกรที่มีโอกาสสัมผัสสารเคมีมากที่สุดและมีระดับเอนไซม์ต่ำชัดเจน คือ กลุ่มเกษตรกรพันธะสัญญา ซึ่งรับวัตถุดิบและกระบวนการผลิตมาจากบริษัทแม่ ทำให้ต้องฉีดพ่นยาและเก็บผลผลิตตามกำหนดเวลา ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปใช้สารชีวภาพแทนสารเคมีหรือรอการเก็บผลผลิตในระยะที่สารเคมีมีระดับปลอดภัยแล้ว.

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นำเสนอได้น่าสนใจ คือ เจ้าหน้าที่จากสถานีอนามัยบ่อเกลือ "ดิฉันอยู่คนเดียวที่สถานีอนามัย ไม่สามารถใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลสุขภาพเกษตรกรได้. สิ่งที่ทำได้ คือ สร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาไปเลย" กล่าวคือ ให้คำแนะนำง่ายๆ ว่าคนที่ตรวจเลือดพบว่ามีระดับเอนไซม์ ต่ำกว่าปกติ ไม่ควรไปทำงานในไร่ที่มีการใช้สารเคมีจำนวนมาก. การนำต้นรางจืดซึ่งมีจำนวนมากมายในพื้นที่มาทำเป็นเครื่องดื่มให้เกษตรกรดื่มเวลามาตรวจคัดกรองที่สถานีอนามัย และการแนะนำให้ใช้เกลือเม็ดหว่านเพื่อฆ่าหญ้าแทนการใช้สารเคมี.

เจ้าหน้าที่อำเภอนาหมื่นได้เพิ่มกิจกรรมการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจหาระดับสารเคมีปนเปื้อน โดยอาศัยคำแนะนำในการเก็บตัวอย่างจากเภสัชกรของโรงพยาบาลนาหมื่น และส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์.

นอกจากเจ้าหน้าที่เหล่านี้แล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานจากอีก 5 อำเภอซึ่งมีแนวทางการทำงานคล้ายกับที่กล่าวมาแล้ว และคุณเนรมิตรยังได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานเกษตรจังหวัด ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันน่านของกรมวิชาการเกษตรและสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดมาร่วมอภิปรายแนวทางการลดการใช้สารเคมีของเกษตรกรในจังหวัด ซึ่งได้ข้อสรุปว่า กระทรวงเกษตรฯมุ่งหวังจะใช้กระบวนการพัฒนาและรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า GAP2 เป็นกลไกในการลดการใช้สารเคมี โดยจัดให้มีข้อกำหนดสำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญและเป็นสินค้าออก เช่น ลิ้นจี่ ลำใย ส้ม มะขาม ทั้งนี้ การที่เกษตรกรผู้ปลูกจะได้ใบรับรอง จะต้องไม่มีการใช้สารเคมีจำนวน 96 ชนิดซึ่งครอบคลุมทั้งปุ๋ยและสารกำจัดศัตรูพืชต่างๆ ขณะที่ท้องถิ่นจังหวัดเห็นว่าการลดการใช้สารเคมีเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมทางเลือกของการใช้สารเคมีต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว.

ปัจจัยความสำเร็จ
ผู้เขียนได้แอบตั้งคำถาม 2 ข้อในระหว่างที่ฟังการนำเสนอ คือ บทบาทของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกี่ยวกับการลดการใช้สารเคมีของเกษตรกรควรเป็นอย่างไร และควรมีการสนับสนุนเชิงนโยบายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานของพื้นที่.

จากการนำเสนอของเจ้าหน้าที่ เห็นได้ว่า

• ทุกสถานีอนามัยเห็นตรงกันว่าการตรวจคัดกรองระดับเอนไซม์ในเลือดเกษตรกรอาจไม่สะท้อนสถานการณ์การสัมผัสสารเคมี เนื่องจากพื้นที่จังหวัดน่านเหมาะแก่การปลูกข้าวโพด ซึ่งต้องใช้ยาฆ่าหญ้าและยาเคลือบเมล็ดพันธุ์ มากกว่ายากำจัดศัตรูพืชกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต นอกจากนั้น ยังพบมีเกษตรกรจำนวนมากที่ผลการตรวจคัดกรองตรงข้ามกับพฤติกรรมการใช้สารเคมี.

• เจ้าหน้าที่ส่วนมาก เน้นการแก้ปัญหาการใช้สารเคมี ได้แก่ การแนะนำให้ใช้สารชีวภาพหรือทางเลือกอื่นๆ เช่น การใช้เกลือ การให้ดื่มสมุนไพรขจัดพิษสารเคมี ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าจะได้ผลดีหรือไม่.

• เจ้าหน้าที่บางคนใช้การตรวจวัดสิ่งแวดล้อม (การตรวจคุณภาพน้ำ) มาประกอบการตรวจระดับเอนไซม์ในเลือด ขณะที่บางคนใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลการสัมผัสอย่างละเอียด.

ซึ่งทำให้เห็นว่า ทิศทางของกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำนั้น ถูกกำหนดจากภารกิจการตรวจคัดกรองเอนไซม์ในเลือด ซึ่งอาจไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการแยกแยะกลุ่มเสี่ยงนัก แต่ภารกิจนี้ ก็ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เกิดความคิดในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำการ "ประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ" ให้ชัดเจนมากขึ้น. ขณะเดียวกัน ผลการตรวจคัดกรองที่อาจไม่มีประสิทธิภาพนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้เห็น "ขนาด" ของปัญหาและตัดสินใจหาวิธีจัดการกับปัญหา แม้จะไม่แน่ใจในประสิทธิภาพของวิธีการอีกเช่นกัน.

นั่นคือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับตำบลเหล่านี้ ควรได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้มีเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนความคิดเช่นเวทีนี้ และควรเป็นเวทีให้นักวิชาการมาร่วมเพิ่มเติมองค์ความรู้หรือสนับสนุนเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินและจัดการกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้ด้วย.

สุดท้าย นโยบายระดับกระทรวง ควรจะให้ชัดเจนมากขึ้นว่า ควรจะ ลด ละ หรือเลิก ใช้สารเคมีทางการเกษตร เพื่อเป็น "ธงนำ" ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆของเจ้าหน้าที่ผู้ใกล้ชิดประชาชนเหล่านี้.

เนรมิตร เมธาชัยวิวัฒน์ B.P.H., M.Sc.
in Healtheconomics, นักวิชาการสารธารณสุข,
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน
ฉันทนา ผดุงทศ พ.บ.
DrPH in Occupational Health, สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ
และสิ่งแวดล้อม, กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข
E-mail address : [email protected]

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
  • นพ.เนรมิตร เมธาชัยวิวัฒน์
  • พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
  • อ่าน 2,735 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

274-013
วารสารคลินิก 274
ตุลาคม 2550
อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
นพ.เนรมิตร เมธาชัยวิวัฒน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <