ลองจินตนาการว่า ท่านเป็นแพทย์ ผู้เปี่ยมด้วยจิตอาสาที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยซึ่งลมหายใจกำลังไหลรินลงบนธรณีประตูแห่งแดนมรณะ แต่ท่านกลับถูกมอบหมายให้ขนขยะเหม็นเน่ากองใหญ่ท่ามกลางเปลวแดดอันร้อนระอุ ท่านจะรู้สึกอย่างไร.
ไม่ว่าจะจินตนาการอย่างไร ท่านก็คงไม่ดื่มด่ำเท่ากับสัมผัสแท้จริงที่นายแพทย์แกรี่ มอร์ช ได้รับกับตนเอง เมื่อครั้งเข้าไปขันอาสาทำงานให้แม่ชีเธเรซ่า...ครับแม่ชีผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ. แกรี่สู้อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลจากสหรัฐอเมริกา ด้วยความตั้งใจที่จะนำวิชาแพทย์ที่ร่ำเรียนมาไปช่วยชีวิตคนป่วยยากจนระยะสุดท้ายของชีวิต ในสถานดูแลที่กรุงกัลกัตตา ซึ่งแม่ชีเธเรซ่าก่อตั้ง.
เอาเข้าจริง งานแรกที่แกรี่ถูกมอบหมายจากลูกทีมของแม่ชีเธเรซ่ากลับกลายเป็นงานต่ำต้อยสุดๆ เหม็นสุดๆดังกล่าว แต่แกรี่ก็สู้อดทนขนขยะเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าจนหมดสิ้นนับแต่เช้ายันบ่ายแก่ๆ. เมื่อเสร็จงาน ไม่เพียงเหงื่อท่วมตัว กลิ่นกายของแกรี่ยังถูกกลบด้วยกลิ่นขยะ. ในจังหวะที่แกรี่ใกล้ถอดใจขนกระเป๋ากลับบ้านแสนสบายที่สหรัฐอเมริกา พลันเหลือบไปเห็นข้อความจารึกบนป้ายแผ่นหนึ่ง ณ สถานดูแลนั้น ข้อความว่า "We can do no great things, only small things with great love." ____ Mother Teresa.
แกรี่จึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า จิตอาสาอันจริงแท้ ย่อมตั้งต้นจากความรักอันบริสุทธิ์ต่อเพื่อนมนุษย์ หาใช่ศักดิ์ศรี อำนาจ หรือคุณสมบัติใดๆ ของผู้ปรารถนาจะอาสาช่วยเหลือไม่. งานที่ดูต่ำต้อย อันที่จริงคือ บททดสอบ บทที่หนึ่งสำหรับความหนักแน่นมั่นคงต่อจิตอาสาบนรากฐานแห่งความรักนี่เอง.
นั่นคือจุดเปลี่ยนผันชีวิตอาสาสมัครของนายแพทย์แกรี่ มอร์ช ผู้ก่อตั้ง Heart to Heart International ซึ่งสามารถระดมกำลังใจ กำลังกาย กำลังทรัพย์จากที่ต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา แปลงเป็นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่มวลมนุษย์ในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เช่น เหยื่อพายุแคทริน่า เหยื่อคลื่นยักษ์สึนามิในเอเชีย เหยื่อเอดส์ในแอฟริกา เหยื่อสงครามแห่งคาบสมุทรบาลข่าน ฯลฯ. ด้วยจิตอาสา และการจัดการที่ดี องค์กรนี้จึงสามารถดำเนินการด้วยต้นทุนด้านการบริหารจัดการเพียงร้อยละ 2 ของมูลค่าความช่วยเหลือในรูปต่างๆ (ราชการไทยมีต้นทุนส่วนนี้สูงถึงกว่าร้อยละ 60 องค์กรอิสระบางแห่งของไทย มีต้นทุนส่วนนี้ร้อยละ 15).
ท่ามกลางความจริงอันน่าขมขื่นจากการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่บีฑาที่มนุษย์กระทำต่อกัน. อีกด้านหนึ่ง คือ มนุษย์มีจิตพื้นฐานที่ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น หากเพียงเขา/เธอได้รู้ว่า ใครกำลังรอความช่วยเหลือ พวกเขาอยู่ที่ไหน ต้องการอะไร ผู้มีจิตอาสาก็พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เสมอตามอัตภาพของแต่ละคน. นี่คือ ความเชื่อหรือศรัทธาพื้นฐานที่แกรี่ยึดถือ. เขายังเชื่ออีกว่า แม้ความช่วยเหลือจะน้อยนิด แต่อาจมีความหมายเทียบได้กับการปลูกต้นไม้เล็กๆ สักต้น เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะเติบใหญ่แผ่ร่มเงา ออกดอกผลเป็นคุณแก่ชีวิตอื่นๆสืบเนื่องกันไป.
คิดดูให้ดี ในด้านหนึ่งความเชื่อเช่นนี้ นับว่ามีเสน่ห์ไม่น้อย และคงไม่มีใครปฏิเสธว่า เป็นสิ่งจำเป็นตราบเท่าที่มนุษย์ไม่ว่ารวยหรือจน ล้วนมีขีดจำกัดในการปรับตัว จึงต้องมีสักวันที่ต้องการความช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมนี้จากผู้อื่น. ในอีกด้านหนึ่งหากรัฐบาลที่มีหน้าที่รับผิดชอบชะตากรรมของคนทั้งประเทศคิด เชื่อและทำเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมเท่านั้น ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็คงไม่มีวันหดหาย และอาจเลวร้ายถึงขั้นขยายตัว.
ยังนับว่า ฟ้ามีตา ที่โปรดให้คนอย่างมหาตมคานธี เหมาเจ๋อตง ลินคอนเนลสันแมนเดลล่า เกิดขึ้นมาในโลกเพื่อนำพาประชาชาติต่อสู้ดินร้นให้หลุดพ้นจากการกดขี่บีฑา แทนที่จะรอคอยเมตตาจากผู้เอารัดเอาเปรียบ หรือเมตตาจากนักบุญ.
- อ่าน 2,427 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้