ในระยะหลังนี้ ความขัดแย้งระหว่างแพทย์และคนไข้ในสังคมไทยปรากฏชัดเจนขึ้นและส่อเค้าจะลุกลามมากขึ้นจากจำนวนการฟ้องร้องที่บางกรณีตกลงกันได้ด้วยดี บางกรณียังยืดเยื้ออยู่
ความขัดแย้งและการเผชิญหน้า เหล่านี้ ล้วนก่อความทุกข์ให้ทั้งผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้รับบริการ หลายฝ่าย จึงพยายามหาทางออก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งคณะทำงาน ซึ่งมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นประธาน ต่อมาสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุขได้จัดให้มีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง" วิกฤติความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ " มีผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย ตัวแทนจากวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มผู้ให้บริการ กลุ่มวิชาชีพกระบวนการยุติธรรม กลุ่มผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ และสื่อมวลชน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้เสนอ 3 แนวทางแก้ไขปัญหา คือ การใช้ความเห็นอกเห็นใจในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แนวทางที่ 2 คือการปฏิรูประบบบริการและกำลังคน เพื่อลดภาวะแพทย์ทำงานหนัก โดยเสนอให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเร่งศึกษาเพื่อหาแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองให้ได้มากขึ้น แนวทางที่ 3 ต้องมีกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า มาตรา 41 ใน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือกลไกที่จะช่วยลดการฟ้องร้องระหว่างคนไข้และหมอได้ เนื่องจากการใช้ระบบที่ไม่ต้องพิสูจน์ถูก-ผิดนั้น ในภาพรวมพบว่า เป็นประโยชน์และมีส่วนบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้บริการ ขณะเดียวกันได้มีมติเพิ่มวงเงินชดเชยเงินช่วยเหลือเบื้องต้น จากเดิมผู้เสียชีวิตหรือพิการถาวร ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไม่เกิน 80,000 บาท ปรับใหม่เป็นไม่เกิน 200,000 บาท สูญเสียอวัยวะหรือพิการ ปรับจากเดิมไม่เกิน 50,000 บาท เป็น 120,000 บาท และกรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จากเดิมไม่เกิน 20,000 บาท เป็น 50,000 บาท แต่เนื่องจากกระบวนการตามมาตรา 41 ต้องใช้เวลาในการสืบหาข้อเท็จจริง จึงอาจทำให้เรื่องบานปลายได้ จึงเสนอให้มีกระบวนการเยียวยาที่ยึดความสมานฉันท์เป็นที่ตั้ง และต้องดำเนินการทันทีที่เกิดปัญหาโดยไม่ต้องพิสูจน์ความถูกผิด โดยเสนอให้มีการร่างกฎหมายรองรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
นายแพทย์วิฑูรย์ ตรีสุนทรวัฒน์ กลุ่มประสานงานและสนับสนุนภูมิภาค ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาว่า ควรมีการคุ้มครองผู้บริโภคหรือผู้ป่วยในการรับการรักษา และเมื่อเกิดข้อบกพร่องจากการรักษา หมอ พยาบาล หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างบริสุทธิ์ใจ โดยรายงานต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 7 วัน และมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมในลักษณะไตรภาคี คือมีตัวแทนคนไข้ แพทย์ และฝ่ายที่มีความเป็นกลาง เพื่อหาข้อผิดพลาดที่เกิดจากการรักษาอีกแนวคิดของ นายแพทย์วิฑูรย์ คือการสร้างระบบรายงานผลของแพทย์ที่รักษาผิดพลาดโดยความสมัครใจ
นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (สปรส.) ให้ความเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างหมอและคนไข้เป็นปัญหาเชิงระบบ ควรแก้เชิงระบบโดยใช้องค์ความรู้ทางวิชาการแก้ไขใน 3 เรื่อง คือ สร้างระบบเวชศาสตร์ครอบครัว โดยใช้กลไกการเงินการคลังของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการและอื่นๆ กำหนดมาตรการให้เกิดระบบบริการปฐมภูมิ หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านใกล้ใจ ให้คนไทยทุกคนมีหมอประจำตัว หรือหมอประจำครอบครัวและชุมชน ซึ่งเอื้อให้หมอกับคนไข้มีสายใยความสัมพันธ์เชิงมนุษย์ต่อกันตั้งกองทุนชดเชยความเสียหาย โดยเก็บเงินในสัดส่วนเล็กน้อยจากบริการการแพทย์ ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ เป็นต้น มาตั้งเป็นกองทุน มีกรรมการบริการกองทุนไว้พิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ความผิด และควบคุมทิศทางระบบบริการการแพทย์เชิงธุรกิจ เพราะการแพทย์ในทิศทางนี้ก่อให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างหมอกับคนไข้ที่ผิดเพี้ยนไป และมีผลตามมาด้วยปรากฏการณ์ความขัดแย้งระหว่างกัน ทั้งที่แสดงออกมาเป็นการฟ้องร้องที่รุนแรง และที่เป็นความไม่พอใจแบบสะสมและซ่อนเร้น
การดูแลรักษาโรคและสร้างเสริมให้เกิดสุขภาพดี ต้องวางอยู่บนฐานของความศรัทธา ไว้วางใจ เชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของกันและกัน เพราะการแพทย์มิใช่มีแค่มิติทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีมิติทางมนุษย์และจิตวิญญาณควบคู่ไปด้วย
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้