Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ประวัติศาสตร์วัคซีนสำคัญๆ ที่สำเร็จแล้ว
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ประวัติศาสตร์วัคซีนสำคัญๆ ที่สำเร็จแล้ว

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กรกฎาคม 2549 00:00

ศตวรรษที่ 19
ค.ศ. 1879 วัคซีนอหิวาตกโรค 

Pasteur มีงานที่สำคัญอีกอย่างคือการศึกษาอหิวาต์ไก่ ค.ศ. 1879 ช่วงหนึ่งที่เขาลาพักร้อนได้มอบหมายให้ผู้ช่วยของเขาคือ Charles Chamberland นำเชื้ออหิวาต์ไก่ที่เพาะไว้ไป inoculate ไก่แต่ Chamberland ไปพักร้อนเช่นกัน เขากลับมาในอีก 1 เดือนจึงพึ่งเอาเชื้อที่เพาะไว้นานเป็นเดือนนี้ inoculate  ไก่ ปรากฏว่าไก่ไม่ตายเพียงแต่ไม่สบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น Chamberland คิดว่าตนเพาะเชื้อผิดพลาดแน่เลยจึงเตรียมจะทำลายทิ้งแต่ Pasteur ห้ามไว้ก่อน.

 Pasteur ลองนำเชื้อที่เพาะใหม่ inoculate ไก่เหล่านี้พบว่าไม่มีไก่ตัวใดเป็นโรคเลย ความบังเอิญนี้ทำให้เขาค้นพบว่าเชื้อโรคที่มีฤทธิ์อ่อนลงไม่ทำให้เกิดโรค แต่กลับกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคหรือ active immunization (Immunity มาจากภาษาละติน " Immunitas " ที่แปลว่า "  หลุดพ้นจากภาษี " ) และ นับเป็นการค้นพบวัคซีนอหิวาตกโรคเป็นครั้งแรก.


ค.ศ. 1881 วัคซีน Anthrax

Pasteur ประยุกต์ความคิดนี้ไปใช้กับโรค anthrax และผลิตวัคซีนได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1881 จากประวัติศาสตร์เขาได้ทราบว่าการใช้อะไรบางอย่าง ไปกระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาถูกค้นพบตั้งนานแล้วโดย Jenner เขาจึงตั้งชื่อสิ่งนี้ว่า วัคซีน (vaccine) มาจากภาษาละติน " vaccinia " ที่แปลว่า " ฝีดาษวัว " เพื่อเป็นเกียรติแก่ Jenner.


ค.ศ. 1882 วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรงเพราะเป็นแล้วเสียชีวิตเกือบทุกราย ค.ศ. 1882 Pierre-Paul-Emile Roux (1853-1933) แพทย์ชาวฝรั่งเศส ลูกศิษย์และเพื่อนร่วมงานของ Pasteur คิดค้นวัคซีน  พิษสุนัขบ้าชนิดเชื้อตาย (killed vaccine) สำเร็จโดยใช้ในสุนัข Pasteur ปรับปรุงวิธีการให้เป็นวัคซีนชนิดเชื้ออ่อนแรง.

4 กรกฎาคม ค.ศ. 1885 Joseph Meister เด็กชายวัย 9 ปีถูกสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด แพทย์ให้ความเห็นว่าหมดหวังและแนะนำให้ไปหา Pasteur  ผู้ปกครองพามาพบใน 2 วันต่อมา. ตอนแรก Pasteur ไม่กล้าให้วัคซีนเพราะเคยศึกษาในสัตว์ทดลองแต่ยังไม่เคยใช้กับมนุษย์ เพื่อนร่วมงานของเขาที่ชื่อ Vulpain ให้ความเห็นว่าเด็กจะต้องเสียชีวิตแน่นอนถ้าไม่ทำอะไร. เขาจึงเสี่ยงให้วัคซีนที่พึ่งคิดค้นขึ้นมา เนื่องจากไม่ใช่แพทย์เขาจึงให้นายแพทย์ Grancher ที่ปารีสเป็นคนฉีดให้ เขาให้ฉีด 14 เข็มใน 10 วันปรากฏว่าได้ผล Meister ไม่ป่วยเป็นโรคนี้. นับเป็นการค้นพบเทคนิคการให้ภูมิคุ้มกันหลังสัมผัสโรค (post-exposure prophylaxis) เป็นครั้งแรก. 

ต่อมาไม่นาน Jean-Baptiste Jupille เด็กวัย 14 ปีเข้าไปช่วยเพื่อนไม่ให้ถูกสุนัขที่เป็นโรคพิษ  สุนัขบ้ากัด ปรากฏว่าตนเองถูกกัดแทน เป็นรายที่ 2 ที่มาหา Pasteur และวัคซีนก็ได้ผล ทำให้โด่งดังจนมีคนมารับการฉีดวัคซีนของเขาจำนวนมาก.

ค.ศ. 1888 มีการก่อตั้งสถาบัน Pasteur ขึ้นทั้งที่ฝรั่งเศสและทั่วโลก จุดประสงค์หลักคืองานด้านวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (ที่ประเทศไทยคือสถานเสาวภานั่นเอง). ปัจจุบันอนุสาวรีย์ของ Jean-Baptiste Jupille ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของสถาบัน Pasteur.


ค.ศ. 1890 วัคซีนโรคคอตีบ 

เมื่อตรวจผู้ป่วยโรคคอตีบจะพบแผ่นสีขาวคลุมอยู่ที่ต่อมทอนซิล ค.ศ. 1855 Armand Trousseau (1801-1867) แพทย์ชาวฝรั่งเศสจึงตั้งชื่อโรคนี้ว่า Diphtheria มาจากภาษากรีก " iptheria " แปลว่า " แผ่นหนัง (leather) ". ต่อมา ค.ศ. 1884  Edwin Klebs (1834-1912) และ Friedrich August Johannes Loffler (1852-1915) นักแบคทีเรียวิทยาชาวเยอรมันก็ค้นพบแบคทีเรีย corynebacterium diphtheriae จากงานของ Loffler และ Roux สรุปได้ว่าโรคคอตีบเกิดจากสารพิษของเชื้อแบคทีเรียนี้เอง.

เมื่อมนุษย์ได้รับพิษจากเชื้อโรคร่างกายจะสร้างสารออกมาต่อต้านในกระแสเลือด สารดังกล่าวจะอยู่ในสารน้ำของเลือดที่เรียกว่า serum. ค.ศ. 1890 Emil Adolf von Behring (1854-1917) แพทย์ ชาวเยอรมันได้นำเชื้อไปฉีดให้กับม้าแล้วนำ serum ที่มีสารต่อต้านพิษจากม้ามาฉีดให้กับผู้ป่วยซึ่งได้ผลนับเป็นการให้ภูมิคุ้มกันแก่ผู้ป่วยโดยตรง (passive immunization) เป็นครั้งแรก เขาตั้งชื่อสารนี้ว่า antitoxin.


ค.ศ. 1890 วัคซีนโรคบาดทะยัก

 ค.ศ. 1884 Carle และ Rattone ค้นพบว่าโรคบาดทะยัก (tetanus) เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani. ต่อมา ค.ศ. 1890 เป็น Behring อีกเช่นกันที่นำ serum ที่มีสารต่อต้านพิษ (antitoxin) มาใช้รักษาผู้ป่วยโรคบาดทะยักเป็นคนแรก (ผลงานดังกล่าวทำให้ Behring เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี ค.ศ. 1901).


ค.ศ. 1896 วัคซีนไข้ไทฟอยด์

ตอนแรก Pierre Bretonneau (1778-1862) แพทย์ชาวฝรั่งเศสเรียกโรคนี้ว่า dothienenteritis แต่เรียกยากต่อมา Pierre-Charles-Alexandre Louis (1787-1872) แพทย์ชาวฝรั่งเศสตั้งชื่อโรคนี้ให้เรียกง่ายขึ้นว่าไข้ไทฟอยด์ (typhoid fever). โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonell typhi ซึ่งขับออกมาทางอุจจาระ ถ้าไปปนเปื้อนอาหารหรือน้ำดื่ม ผู้ที่กินเข้าไปก็จะติดเชื้อ.


ค.ศ. 1897 วัคซีนกาฬโรค
โรคนี้นอกจากผู้ป่วยจะมีต่อมน้ำเหลืองโตแล้ว ยังมีผื่นสีดำตามผิวหนังด้วยทำให้มีชื่อว่ากาฬโรค. โรคนี้เป็นโรคระบาดที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่งที่พบมากในสมัยก่อน สาเหตุไม่มีใครทราบ จนกระทั่ง ค.ศ. 1894 เกิดการระบาดของกาฬโรคที่ประเทศฮ่องกง Alexandre Emile John Yersin (1863-1943) แพทย์ชาวสวิสตและ Shibasaburo Kitasato (1852-1931)แพทย์ชาวญี่ปุ่นเข้าไปศึกษาและค้นพบว่าโรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียรูปแท่ง Pasteurella pestis. 

Yersin พบว่าเชื้อเดียวกันนี้พบในหนูด้วย  และเป็นช่องทางการติดต่อของโรค เชื้อนี้จึงได้รับชื่อ  เป็น Yersinia pestis เพื่อเป็นเกียรติแก่การค้นพบของ Yersin. นอกจากนี้ ค.ศ. 1897 เขาร่วมกับ Roux, Calmette และ Armand Borrel ที่สถาบัน Pasteur คิดค้น serum รักษาโรคนี้เป็นครั้งแรก (แต่ไม่ค่อยได้ผล).

 

ศตวรรษที่ 20
ค.ศ. 1918 วัคซีนวัณโรค

วัคซีนวัณโรคถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1918 โดย Lon Charles Albert Calmette (1863-1933) แพทย์ชาวฝรั่งเศสและ Camille Guerin (1872-1961) สัตวแพทย์ชาวฝรั่งเศส ทั้ง 2 ทำงานที่สถาบัน Pasteur ได้ผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันวัณโรคขึ้นมาเรียกว่า Bacilli-Calmette-Guerin (BCG) และเริ่มใช้ในปี ค.ศ. 1921. 

 แต่จากการศึกษาพบว่า BCG ป้องกันโรคได้ไม่แน่นอนมีตั้งแต่ร้อยละ 0 (การศึกษาที่ประเทศอินเดีย) จนถึงร้อยละ 77 (การศึกษาที่ประเทศอังกฤษ) จึงสรุปได้ว่าไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค แต่หลายการศึกษาเห็นตรงกันว่าช่วยลดอุบัติการณ์ของวัณโรคที่รุนแรงได้ เช่น วัณโรคเยื่อหุ้มสมองและวัณโรคชนิด Miliary องค์การอนามัยโลกจึงยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้ในประเทศที่เป็นแหล่งของวัณโรคซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น.


ค.ศ. 1926 วัคซีนโรคไอกรน
อดีตไอกรน (pertussis) เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 3 แสนรายต่อปี ค.ศ. 1906 Jules Jean Babtiste Vincent Bordet (1870-1961) นักจุลชีววิทยาชาวเบลเยียมผู้ก่อตั้งสถาบัน Pasteur ใน Brussels ร่วมกับ Octave Gengou ค้นพบเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคไอกรน เชื้อนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Bordetella pertusis. 

Louis W. Sauer ได้รับการยอมรับว่าคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้สำเร็จเป็นคนแรกในปี ค.ศ. 1926 และต่อมาก็มีการคิดค้นวัคซีน DPT ซึ่งเป็นวัคซีนผสมของ 3 โรคได้แก่ diphtheria, pertussis และ tetanus.


ค.ศ. 1932 วัคซีนโรคไข้เหลือง
ค.ศ. 1937 วัคซีนโรคไทฟัส

Howard Taylor Ricketts (1871-1910) ค้นพบแบคทีเรียกลุ่มใหม่และตั้งชื่อว่า Rickettsia โรคไทฟัส (typhus) เป็นคำรวมๆ ที่ใช้เรียกกลุ่มโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Rickettsia โรคไทฟัสกับไข้ไทฟอยด์เป็นคนละโรคกันเลย อย่าจำสับสนนะครับ.


ค.ศ. 1945 วัคซีนไข้หวัดใหญ่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนที่แปลกที่สุด เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนพันธุกรรมทุกปี วัคซีนต่อเชื้อสายพันธุ์ปีหนึ่งๆ จะไม่สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์ปีถัดไปได้ ดังนั้นวัคซีนนี้จึงผลิตใช้กันปีต่อปี นั่นคือผู้ที่ฉีดวัคซีนนี้จำต้องฉีดมันทุกปีไงครับ.


ค.ศ. 1952 วัคซีนโรคโปลิโอ
ค.ศ. 1952 Jonas E. Salk คิดค้นวัคซีนโรคโปลิโอชนิดฉีดสำเร็จและต่อมา ค.ศ. 1961 Albert B. Sabin ก็คิดค้นวัคซีนโปลิโอชนิดกินได้สำเร็จ.


ค.ศ. 1954 วัคซีนไข้สมองอักเสบญี่ปุ่น
โรคนี้พบในทวีปเอเชียเกิดจากเชื้อไวรัส Japanese encephalitis มียุงรำคาญพันธุ์ Culex  tritaeniorhynchus เป็นพาหะนำโรค.


ค.ศ. 1964 วัคซีนโรคหัด

หัด (measle) เป็นโรคที่ตอนแรกถูกคิดว่า เป็นโรคเดียวกับฝีดาษ (smallpox) แต่ต่อมา al-Razi ก็เป็นคนแรกที่แยกโรคนี้ออกจากฝีดาษ. โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง. ค.ศ. 1896 Henry Koplik (1858-1927) กุมารแพทย์ชาวอเมริกันสังเกตว่าผู้ป่วยบางรายจะมีจุดสีขาวที่เยื่อบุของกระพุ้งแก้ม ปัจจุบันเรียกว่า Koplik ' s spot.


ค.ศ. 1967 วัคซีนโรคคางทูม

โรคคางทูม (Mumps) เกิดจากเชื้อไวรัสผู้ป่วยจะมีการอักเสบของต่อมน้ำลายที่อยู่บริเวณกราม นอกจากนี้ผู้ป่วยชายบางรายเกิดอัณฑะอักเสบร่วมด้วยซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นหมัน.


ค.ศ. 1969 วัคซีนโรคหัดเยอรมัน 
โรคหัดเยอรมัน (German measle หรือ rubella) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส โรคนี้มีอาการคล้ายๆ กับโรคหัด (measle) จึงมีชื่อเรียกว่า German measle มาจากภาษาละติน " Germanus"  ที่แปลว่า " คล้าย " อย่าเข้าใจว่าเกิดจากคนเยอรมันนะครับ.
ต่อมาก็มีการคิดค้นวัคซีน MMR ซึ่งเป็นวัคซีนผสมของ 3 โรคคือ measle, mumps และ rubella.


ค.ศ. 1974 วัคซีนโรคสุกใส 
 Giovanni Filippo (1510-1580) เป็นคนแรกที่บรรยายถึงโรคสุกใส (varicella) โดยผู้ป่วยจะมีไข้และมีตุ่มน้ำใสๆ ตามร่างกาย. ศตวรรษที่ 17 Richard Morton แพทย์ชาวอังกฤษคิดว่าโรคนี้เป็น   โรคเดียวกับ smallpox แต่เป็นชนิดที่มีความรุนแรง  น้อยกว่าจึงตั้งชื่อว่า chickenpox. ต่อมา ค.ศ. 1767 William Heberden (1710-1801) แพทย์ชาวอังกฤษแสดงให้เห็นว่าโรคนี้เป็นคนละอย่างกับโรคฝีดาษ แต่เนื่องจากคำว่า Chicken pox ถูกใช้มาเป็นศตวรรษแล้วจนเกิดความเคยชิน จึงยังมีการใช้มาจนถึงทุกวันนี้. 

ปัจจุบันทราบแล้วว่าโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella-zoster หรือ Human herpes virus 3 (HHV-3) วัคซีนป้องกันโรคนี้คิดค้นสำเร็จในปี ค.ศ. 1974 โดยชาวญี่ปุ่น Michiaki Takahashi.


ค.ศ. 1978 วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น 
ไข้กาฬหลังแอ่น (meningococcal men-ingitis) เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria meningitidis หรือเรียกอีกอย่างว่าเชื้อ Meningococcus ผู้ป่วยจะมีไข้ร่วมกับเป็นผื่นจ้ำเลือด ถ้าอาการหนักจะคอแข็งหลังแข็งงอตัวไม่ได้เลยและปัสสาวะเป็นสีดำ โรคนี้จึงมีชื่อว่าไข้กาฬหลังแอ่น. 

ถ้าเป็นรุนแรงจนเกิดเลือดออกที่ต่อมหมวกไตทั้ง 2 ข้างจะเรียกว่า Waterhouse-Friderichsen    syndrome ตั้งชื่อตาม Rupert Waterhouse (1873-1958) แพทย์ชาวอังกฤษและ Carl Friderichsen (1886-1979) แพทย์ชาวเดนมาร์กที่เป็นผู้บรรยายไว้. 

โรคนี้แพร่ระบาดได้โดยง่ายจึงจำเป็นต้องให้ยาแก่ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเพื่อป้องกันโรคโชคดีที่คิดค้นวัคซีนโรคนี้ได้ในปี ค.ศ. 1978.


ค.ศ. 1981 วัคซีนตับอักเสบบี
ค.ศ. 1985 วัคซีน HiB
 เชื้อแบคทีเรีย Haemophilus influenzae ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1892 โดย Robert Pfeiffer ช่วงนั้นเริ่มจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ (influenza) มันจึงถูกคิดว่าเป็นสาเหตุ ภายหลังพบว่า       ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไม่ใช่แบคทีเรียตัวนี้ แต่  มันก็ยังคงใช้ชื่อเดิมมาจนถึงทุกวันนี้.

ปัจจุบันทราบแล้วว่าเชื้อนี้มี 2 ชนิด โดย Haemophilus influenzae type B (HiB) พบว่าก่อโรคปอดบวมและเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้บ่อยในวัยเด็ก จึงมีการพัฒนาวัคซีนขึ้นมาซึ่งสำเร็จในปี ค.ศ. 1985.


ค.ศ. 1992 วัคซีนตับอักเสบเอ

 

ศตวรรษที่ 21
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราคงจะมีวัคซีนมาลาเรีย วัคซีนไข้เลือดออกเด็งกี่ วัคซีนโรคเอดส์ วัคซีนโรคซาร์ส วัคซีนไข้หวัดนกในคน และวัคซีนอื่นๆ อีกมากมาย.

 

ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์ พ.บ. โรงพยาบาลบ้านแหลม, จังหวัดเพชรบุรี
E-mail : [email protected]<

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
  • นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
  • อ่าน 9,445 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

259-010
วารสารคลินิก 259
กรกฎาคม 2549
เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <