Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » คอร์ติโซน Cortisone
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คอร์ติโซน Cortisone

โพสโดย somsak เมื่อ 1 มีนาคม 2549 00:00

                              

Cortisone อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูนักแต่มันมีความสำคัญมากในด้านประวัติศาสตร์การแพทย์.
ค.ศ. 1563 Bartolomeo Eustachi (?-1574) นักกายวิภาคศาสตร์ชาวอิตาเลียนบรรยายไว้ว่าที่บริเวณเหนือ (epi) ขอบบนของไต (nephros) มนุษย์มีสิ่งที่มีลักษณะเหมือนต่อม (gland) วางอยู่ ปัจจุบันคือ ต่อมหมวกไต (adrenal gland) นั่นเอง.

ค.ศ. 1854 Kolliker นักกายวิภาคศาสตร์ชาวเยอรมันพบว่าต่อมหมวกไตแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ ส่วนขอบนอกที่เนื้อค่อนข้างแน่นเรียกว่า cortex และส่วนในที่นุ่มกว่าเรียกว่า medulla.

ค.ศ. 1855 Thomas Addison (1795-1860) แพทย์ชาวอังกฤษตีพิมพ์ผลงานชื่อ "  On the Constitutional and Local Effects of Disease of  Suprarenal Capsule " รายงานผู้ป่วย 11 รายที่ มีอาการอ่อนเพลีย, ปวดท้องและผิวคล้ำ ซึ่งต่อมาไม่นานก็เสียชีวิต เขาพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุเกิดจากต่อมหมวกไตถูกทำลาย. ต่อมา Armand Trousseau (1901-1967) เป็นผู้ริเริ่มเรียกโรคนี้ว่า Addison' s disease เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ.

ค.ศ. 1893
George Oliver และ Edward A. Schafer ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สกัดสารจากต่อมหมวกไตและทดลองฉีดสารนี้ให้แก่สัตว์ทดลองที่ถูกตัดต่อมหมวกไตออกไป ปรากฏว่าสัตว์ทดลองยังคงเกิดอาการของ Addision' s disease  พวกเขาสังเกตว่ามันมีฤทธิ์กระตุ้นความดันเลือดให้สูงขึ้นและให้ความเห็นว่าสารนี้มาจากส่วน medulla. ต่อมาค.ศ. 1901 Jokichi Takamine (1854-?)ชาวญี่ปุ่นสกัดสารดังกล่าวได้เขาตั้งชื่อว่า adrenalin ขณะที่ในประเทศสหรัฐอเมริกา John Jacob Abel (1857-1938) ก็แยกสารดังกล่าวได้เช่นกันแต่เขาตั้งชื่อว่า epinephrin (ปัจจุบันใช้ทั้ง 2 ชื่อแต่เติมท้ายด้วย e เป็น adrenaline และ epinephrine).

Biedl เสนอว่า cortex น่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ คริสต์ทศวรรษที่ 1920s-1930s จึงมีการวิจัยมากมายเพื่อสกัดสารจาก cortex จนในที่สุดก็ได้สารที่เรียกว่า cortin เมื่อฉีดสารนี้ให้แก่สัตว์ทดลองที่เป็น Addision ' s disease พบว่าพวกมันมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น.

ค.ศ. 1926 Nikolai Mikhailovich Itsenko รายงานผู้ป่วยที่มีอาการหน้าบวมเป็นพระจันทร์, มีโหนกที่ท้ายทอย, ผิวหนังบางและแตกเป็นลายสีม่วงที่หน้าท้อง 6 ปีต่อมา Harvey William Cushing (1869-1939) ศัลยแพทย์ระบบประสาทชาวอเมริกันพบว่าสาเหตุเกิดจากเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง โรคนี้จึงมีชื่อว่า Cushing ' s disease.

ต่อมามีหลักฐานว่าอาการเหล่านี้ไม่ได้พบเฉพาะในผู้ป่วย Cushing ' s disease เท่านั้นแต่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ค.ศ. 1943 Fuller Albright   (1900-1969) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อจึง ตั้งชื่อกลุ่มอาการนี้ว่า Cushing 's syndrome.

Edward Calvin Kendall (1886-1972) นักเคมีชาวอเมริกันที่ Mayo Clinic ใน Rochester และ Tadeus Reichstein (1897-1996) นักเคมีเชื้อสายโปแลนด์ที่ Basel พบว่า cortin ไม่ใช่สารบริสุทธิ์แต่ประกอบด้วยสารหลายชนิดผสมกันอยู่ ต่างจึงพยายามแยกส่วนประกอบที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกันเหล่านี้ออกมาจนได้สารประกอบหลักที่มีชื่อว่า Compound E ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มสตีรอยด์เช่นเดียวกับฮอร์โมนเพศและกรดน้ำดี.


26 กรกฎาคม ค.ศ. 1948 Philip Sho-walter Hench (1896-1965) แพทย์ชาวอเมริกัน ที่ Mayo Clinic รับผู้ป่วยหญิงวัย 29 ปีคนหนึ่งไว้ในความดูแลชื่อว่า Gardner เธอป่วยเป็นโรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) ซึ่งมีอาการปวดข้อต่างๆ อย่างมากแค่ขยับตัวก็ลำบากแล้ว.
Hench สังเกตว่าผู้ป่วย rheumatoid arthritis จะมีอาการดีขึ้นในช่วงที่ตั้งครรภ์หรือตอนที่เป็นดีซ่าน (jaundice) เขาจึงคิดหาความสัมพันธ์ของ 2 ภาวะนี้และได้คำตอบว่า ตอนตั้งครรภ์ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเพศเพิ่มขึ้น ส่วนดีซ่านเป็นภาวะที่มีการคั่งของน้ำดีจุดร่วมของสภาวะทั้ง 2 คือสารสตีรอยด์นั่นเอง!!!.

เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ Gardner เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแต่อาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย Hench จึงไปปรึกษากับ Kendall เพื่อนสนิทและได้รับ Compound E มา เขาฉีดมันให้แก่เธอวันละ 100 มก. มหัศจรรย์มากเพียงแค่ 2 วันเท่านั้นอาการปวด ก็หายไป และวันที่ 3 เธอก็สามารถลุกเดินได้ปกติ เขาจึงทดลองใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้อีก 13 รายพบว่าได้ผลดีเช่นกัน. Compound E ต่อมาได้รับการ ตั้งชื่อว่า cortisone.

นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรคอีกมากมายที่ตอบสนองต่อ cortisone เช่น โรคหอบหืดและโรค SLE (Systemic lupus erythematosus) เป็นต้น. Hench, Kendall และ Reichstein จึงได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ในปี ค.ศ. 1950.

มีการพัฒนาต่อมาจนได้ยาในกลุ่มสตีรอยด์อีกหลายขนาน เช่น hydrocortisone, dexamethasone และ prednisolone เป็นต้น. ปัจจุบันศึกษาแล้วว่ามันมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย.

เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างมักจะมีข้อดีและข้อเสียสตีรอยด์มีประโยชน์มากในทางการแพทย์ แต่หลังใช้ติดต่อกันเวลานานปรากฏว่าผู้ป่วยเกิดภาวะ Cushin ' s syndrome ตามมา บางรายเป็นแผลในกระเพาะอาหารจนทะลุก็มี บางรายกดภูมิคุ้มกันจนเกิดการ ติดเชื้อและเสียชีวิตได้.

ยากลุ่มนี้จึงเป็นยาอันตรายควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ผู้ป่วยไม่ควรซื้อใช้เอง สำหรับยาชุดหรือยาลูกกลอนที่ใช้แก้ปวดกันนั้นมักจะมีส่วนผสมของสตีรอยด์อยู่ด้วยจึงไม่ควรกินเช่นกัน.

 

ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์ พ.บ. ,โรงพยาบาลท่าแซะ, จังหวัดชุมพร
E-mail : [email protected]<

ป้ายคำ:
  • อื่น ๆ
  • เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
  • นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
  • อ่าน 10,182 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

255-010
วารสารคลินิก 255
มีนาคม 2549
เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <