Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » โคเลสเตอรอล( Cholesterol )
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โคเลสเตอรอล( Cholesterol )

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2549 00:00

Cholesterol ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1769 โดย Poulletier de la Salle เขาได้บรรยายเกี่ยวกับสารที่มีลักษณะแข็งสีขาวเป็นองค์ประกอบของนิ่วในถุงน้ำดีแต่ตอนนั้นยังไม่มีชื่อเรียก จน ค.ศ. 1816 Michel Eugene Chevreul (1786-1889)นักเคมีชาวฝรั่งเศสค้นพบสารนี้เช่นกัน เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นสารประเภทไขมันและตั้งชื่อว่า Cholesterine   มาจากภาษากรีก " Chole "  ที่แปลว่า " น้ำดี "  กับ " Stereos " ที่แปลว่า  " แข็ง " ชื่อนี้ถูกใช้อยู่หลาย 10 ปี จน ค.ศ. 1900 พบว่าสารนี้มี Hydroxyl group เป็นส่วนประกอบจึงเปลี่ยนชื่อเป็น cholesterol และใช้มาจนถึงทุกวันนี้.


ค.ศ. 1927 และค.ศ. 1928 Henrich Otto Wieland (1877-1957) และ Adolf Otto Reinhold Windaus (1876-1959) 2 นักเคมีชาวเยอรมันได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีจากการศึกษาโครงสร้างของ cholesterol.

ทศวรรษที่ 1930 Shoenheimer เสนอว่าน่าจะมีกลไกบางชนิดที่ควบคุมสมดุลระหว่าง cholesterol ในร่างกายกับไขมันที่ได้รับจากอาหาร.


ค.ศ. 1938 Carl Muller แพทย์ชาวนอร์เวย์รายงานผู้ป่วยเด็กที่มี cholesterol ในเลือดสูงมากโดยการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเรียกว่าโรค Familial Hypercholesterolemia (FH) แต่ไม่ทราบสาเหตุ.


ค.ศ. 1956 Feodor Lynen (1911-1979) นักเคมีชาวเยอรมันประสบความสำเร็จในการแยกสาร acetic acid ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของไขมันทั้งหมดในร่างกายและ Konrad Bloch (1912-2000) ก็ค้นพบวิถีทาง (pathway) อันซับซ้อนที่เปลี่ยน acetic acid ที่มีคาร์บอน 2 อะตอมจนเป็น cholesterol ที่มีคาร์บอนถึง 27 อะตอม. นอกจากนี้ Bloch ยังพบว่า cholesterol เป็นสารตั้งต้นของกรดน้ำดีและฮอร์โมนเพศหญิงด้วย (ทั้ง 2 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปี ค.ศ. 1964).

Cholesterol เป็นสารที่ละลายในไขมัน ดังนั้น เมื่อถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด  มันจึงต้องอยู่ในรูปของ lipoprotein ที่ละลายในน้ำ. Oncley, Gofman และ Fredrickson แบ่ง lipoprotein ออกเป็น 4 ชนิดตามความหนาแน่นคือ high,intermediate, low และ very low density lipo-protein (HDL, IDL, LDL และ VLDL ตามลำดับ) โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของ LDL ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครทราบเมตาบอลิซึมของ cholesterol.

จนกระทั่งค.ศ. 1972 Michael S. Brown(เกิด ค.ศ. 1941) และ Joseph L. Goldstein (เกิด ค.ศ. 1940) แพทย์ชาวอเมริกันศึกษาเปรียบเทียบระหว่างเซลล์ของคนปกติกับคนที่เป็น FH ทำให้  ค้นพบว่าเซลล์ปกติจะมี LDL receptor ที่เยื่อหุ้มเซลล์และมีเอนไซม์ Hydroxymethylglutaryl-coenzyme A (HMG-CoA) reductase ที่อยู่ภายในเซลล์เป็นกลไกสำคัญในการนำ LDL จากกระแสเลือดไปใช้เรียกว่า
" LDL pathway " (ทั้ง 2 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี ค.ศ. 1985).

ค.ศ. 1973 Akira Endo และ Masao Kurada สกัดสารจากเชื้อรา Pennicillium citrinum ได้สารที่เรียกว่า ML-236B (ภายหลังมีชื่อว่า Mevastatin) ทั้ง 2 พบว่ามันมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ HMG-CoA reductase เมื่อทดลองให้สารนี้กับหนูทดลองปรากฏ ว่าสามารถลดระดับ cholesterol ในเลือดได้ นับเป็นการบุกเบิกยากลุ่ม statin ซึ่งเป็นยาลดไขมันที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน.

นอกจากนี้ Brown และ Goldstein ยังเสนอว่าชาวตะวันตกบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงทำให้อ้วนและเพิ่มอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดหัวใจ ก่อให้เกิดกระแสนิยมบริโภคอาหารตะวันออกที่มีไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตสูงตามมา. โดย 3 อันดับแรกคือ อาหารจีน, ไทย และญี่ปุ่น น่าภูมิใจนะครับที่อาหารไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่วัยรุ่นสมัยนี้กลับสวนทางไปนิยมบริโภคอาหารตะวันตกเพิ่มมากขึ้น.


คนส่วนใหญ่เชื่อตามนั้น แต่มีแพทย์คนหนึ่งที่ไม่คิดเช่นนั้น ค.ศ. 1972 ปีเดียวกับที่ LDL pathway ถูกค้นพบ Robert Coleman Atkins (1930-2003) หทัยแพทย์ชาวอเมริกันก็ตีพิมพ์หนังสือชื่อ  " Atkins"  Diet Revolution. " ซึ่งจำหน่ายได้มากกว่า 15 ล้านฉบับและติดอันดับหนังสือขายดี. Atkins เสนอว่าคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารแรกที่ร่างกายจะนำไปใช้ ถ้าเหลือก็จะเปลี่ยนเป็นไขมัน แต่ถ้าได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันออกมาใช้แทน. ดังนั้นการลดน้ำหนักควรกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ (ไม่ใช่กินอาหารที่มีไขมันต่ำ) ส่วนโปรตีนและไขมันนั้นให้กินสูงกว่าปกติเพื่อคงแคลอรีต่อวันไว้ (ที่จริงแล้วการกินอาหารแบบนี้  Alfred W. Pennington บุกเบิกไว้ตั้งแต่สมัยสงคราม โลกครั้งที่ 2 โดย Atkins เป็นผู้นำมาสานต่อ).

แนวคิดนี้ถูกคัดค้านอย่างมากจากแพทย์ทั่วไปเพราะเกรงว่าอาจจะเกิดผลเสียในระยะยาว จึงมีการศึกษา Atkins  ' diet มากมายแต่มักจะเป็นเพียงการศึกษาขนาดเล็กในระยะสั้นๆ. ค.ศ. 2003 ทีมแพทย์จาก Standford และ Yale จึงทำการวิเคราะห์งานวิจัยทั้งหมด 3,268 การศึกษาและตีพิมพ์ในวารสาร JAMA ฉบับเดือนเมษายน จากการวิเคราะห์พบว่าแคลอรีของ Atkins'  diet นั้นค่อนข้างต่ำ ด้วยเหตุนี้น้ำหนักตัวที่ลดลงน่าจะเป็นผลจากการกินอาหารแคลอรีต่ำมากกว่าจะเกิดจากการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่โดยรวมก็ไม่พบผลเสียที่ร้ายแรงของการกินอาหารแบบนี้.
 

ปัจจุบันมีชาวอเมริกันที่กิน Atkins' diet กว่า 30 ล้านคน ทำให้สถาบันอนามัยแห่งชาติสหรัฐ (NIH) เริ่มทำการศึกษาขนาดใหญ่เพื่อวิจัยผลระยะยาวโดยจะใช้เวลาในการศึกษา  5 ปี. คงต้องรอคอยกันนะครับว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ตามความเห็นของผมแนะนำว่าเราควรเดินสายกลางกล่าวคือ กินอาหารให้ครบทุกหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ, หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ, งดบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ แล้วครับ.

 

 

ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์ พ.บ. โรงพยาบาลท่าแซะ, จังหวัดชุมพร
E-mail : [email protected]<

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
  • นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
  • อ่าน 3,114 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

254-018
วารสารคลินิก 254
กุมภาพันธ์ 2549
เล่าสู่กันฟัง (ประวัติศาสตร์ทางการแพทย์)
นพ.ธีรวัฒน์ บูระวัฒน์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <