Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • สมัครสมาชิก
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • แอพลิเคชั่น DoctorMe
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » PSA (Prostate Specific Antigen)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

PSA (Prostate Specific Antigen)

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2552 00:00

Q   :  PSA คืออะไร
A    : 
PSA เป็น glycoprotein ชนิดหนึ่ง เรียกว่า  serine protease ถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 มีขนาดน้ำหนักประมาณ 34 kilodalton ซึ่งผลิตมาจากเซลล์เยื่อบุผิวของ prostate gland และพบได้เฉพาะใน prostatic tissue ไม่ว่าจะเป็น normal, benign, malignant และใน prostatic fluid นอกจากนี้ยังพบมากที่  seminal vesicle มีหน้าที่ทำให้น้ำอสุจิละลายตัว โดยจะมีค่าสูงมากในน้ำอสุจิ แต่ในเลือดหรือ serum จะมีค่าปกติที่ 0-4 ng/มล. โดยค่าของ serum PSA ถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์ในแง่ของ tumor maker มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2523.

 

Q   :   ทำไมต้องส่งตรวจ PSA
A
    :  ในปัจจุบันการตรวจ serum PSA สามารถช่วยในการค้นหาผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งในแง่การวินิจฉัยโรค และการติดตามผลการรักษา โดยมีข้อมูลว่าการส่งตรวจ serum PSA จะช่วยให้สามารถตรวจพบผู้ป่วยในระยะเริ่มต้นของมะเร็งต่อมลูกหมากที่ยังเป็น localized disease ได้ดีกว่าการใช้วิธีอื่น ซึ่งทำให้อัตราการรอดชีวิตหลังการรักษาเพิ่มสูงขึ้น มีรายงานว่าอัตราการรอดชีวิตที่ 10 ปี ในกลุ่มที่ยังเป็นโรคเฉพาะที่สูงถึงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับในรายที่มีการกระจายในยังอวัยวะอื่นจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ 10 ปี เพียงร้อยละ 15.

อย่างไรก็ดี การส่งตรวจ serum PSA เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเท่านั้นจึงต้องใช้ประกอบกับการตรวจมาตรฐานอื่นๆ ด้วยซึ่งได้แก่

1. DRE หรือ Digital Rectal Examination หรือการตรวจทางทวารหนัก.

2. TRUS หรือ Transrectal ultrasono  graphy.

3. Biopsy หรือการตัดชิ้นเนื้อในตำแหน่งที่สงสัยไปตรวจทางพยาธิวิทยา.

ประโยชน์ในการส่งตรวจหลังการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการผ่าตัดที่เรียกว่า radical prostatectomy โดยทั่วไประดับ serum PSA จะลดลง อย่างรวดเร็วภายใน 1-3 เดือนหลังผ่าตัด ถ้าเป็น การรักษาโดยการฉายแสงหรือการใช้ฮอร์โมนระดับ PSA จะลดลงช้ากว่า เป็นประมาณ 3-6 เดือนหลังรักษา ถ้ามีการเพิ่มของ serum PSA หลังระยะเวลาเหล่านี้จะบ่งถึงการกลับเป็นซ้ำ (recurrence) ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก.

 


Q   :  PSA screening ควรทำในคนทั่วไปหรือไม่
A   :   
ในประเทศสหรัฐอเมริกา US-FDA ได้ยอมรับให้การส่งตรวจ serum PSA ร่วมกับการทำ DRE เป็นมาตรฐานหนึ่งในการให้การวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และเป็นการตรวจคัดกรอง (screening test) ในบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งได้แก่

อายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งสามารถเบิกจ่ายค่าตรวจจากระบบประกันสุขภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ medicare ได้ด้วย. 

หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากควรเริ่มทำที่อายุ 40 ปี.
ในประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานการคัดกรองโรคนี้ชัดเจน อาจเนื่องจากอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในคนไทยยังต่ำกว่าประเทศทางตะวันตกมาก และยังไม่มีการศึกษาจุดคุ้มทุนในการส่งตรวจ เหล่านี้ในคนไทย อย่างไรก็ดีถ้าจะมีการตรวจคัดกรองดังกล่าว อาจใช้แนวทางเดียวกับของทางประเทศสหรัฐอเมริกาได้.
 


Q   :   การแปลผล PSA
A   :  
 เนื่องจาก serum PSA นั้นเป็น prostate- specific ไม่ใช่ cancer-specific จึงสามารถพบค่า  serum PSA สูงได้ในหลายภาวะ ได้แก่ การอักเสบของต่อมลูกหมาก (prostatitis) ต่อมลูกหมากโต  (benign prostatic hypertrophy) และในมะเร็งต่อมลูกหมาก (prostate cancer) ดังนั้น ระดับที่สูงขึ้นของ serum PSA จึงไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเสมอไป และนอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจำนวนหนึ่ง (ร้อยละ 20) มีค่าของ serum PSA อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ค่า serum PSA นี้ไม่เท่ากันในแต่ละเชื้อชาติและค่า serum PSA นี้ก็ไม่เท่ากันในคนปกติในแต่ละช่วงอายุ โดยอายุมากขึ้น จะมีค่าปกติสูงขึ้นกว่าเดิมได้ เช่น อายุ 70 ปี ถ้าค่าไม่เกิน 6.5 ng/มล. ยังถือว่าปกติ สำหรับค่าปกติตามกลุ่มอายุแบ่งได้ดังนี้

อายุ 40-49 ปี  2.5 ng/มล.

50-59 ปี  3.5 ng/มล.

60-69 ปี  4.5 ng/มล.

70-79 ปี  6.5 ng/มล.
 

นอกจากนี้ยังมีแพทย์บางกลุ่มอาศัยการแบ่งระดับของ serum PSA ละเอียดขึ้นกว่าเดิมเป็น
ค่า 0-2.5 ng/มล.  Low

ค่า 2.6-10 ng/มล. Slightly elevated

ค่า 10-19.9 ng/มล. Moderately elevated

ค่า > 20 ng/มล.  Significantly elevated


ในประเทศสหรัฐอเมริกามีคำแนะนำในการตรวจคัดกรองเกี่ยวกับ serum PSA ดังนี้
ผู้ที่ตรวจพบค่า serum PSA > 2.5 ng/มล. ควรตรวจซ้ำทุกปี

ผู้ที่ตรวจพบค่า serum PSA < 2.5 ng/มล. ควรตรวจซ้ำทุกสองปี

สิ่งสำคัญในการใช้ serum PSA จึงมักต้อง อาศัยการเจาะตรวจซ้ำและพบว่ามีการเพิ่มระดับ serum PSA ขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวยืนยัน ก่อนจะมีการตรวจเพิ่มเติมต่อไป.

 

Q   :  ข้อจำกัดของการใช้ PSA
A   :   
False-positive test มีการศึกษาพบว่าค่าปกติทั่วไปของ serum PSA คือ < 4 ng/มล. นั้นอาจมีผลบวกเท็จ (false-positive) ได้ถึงร้อยละ 65 (ผู้ป่วยที่มีค่า serum PSA สูง แต่ไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก) จึงเป็นเหตุผลที่ไม่แนะนำให้ใช้ค่า serum PSA แต่เพียงอย่างเดียวในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก. นอกจากนี้ false-positive test ยังมีผลให้เกิดการทำหัตถการ เช่น การทำ prostate biopsy ซึ่งก็ถือว่าเป็น invasive procedure โดยไม่จำเป็นโดยสถิติพบอุบัติการณ์ของมะเร็งต่อมลูกหมากประมาณร้อยละ 25-30 ของผู้ที่มาทำ prostate biopsy เนื่องจากมีค่า serum PSA สูง. 

Benefit of detection มีผู้ที่คัดค้านการทำ การคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการใช้ค่า serum PSA โดยมีเหตุผลว่า การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วยวิธีนี้จะพบมะเร็งในระยะแรก และมีขนาดเล็กเนื่องจากลักษณะของมะเร็งต่อมลูกหมากเองเป็น slow-growing tumor การวินิจฉัยได้ก่อนอาจไม่ช่วยทำให้อัตราการอยู่รอดของผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ดีเหตุผลข้อนี้คงต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติมถึง cost-benefit ในระดับกลุ่มประชากรที่มีขนาดใหญ่.

False-negative test หมายถึงค่า serum PSA ยังปกติ ถึงแม้จะมีมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ ภาวะนี้พบได้ประมาณร้อยละ 20 โดยอธิบายได้ว่าค่า serum PSA นั้นมีความสัมพันธ์กับ tumor volume และ extent ของโรค ในรายที่ก้อนมะเร็งยังมีขนาดเล็ก และยังไม่มีการกระจายออกนอกต่อมลูกหมากจึง อาจตรวจพบค่า serum PSA ปกติได้.


วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ. ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • โรคเรื้อรัง
  • โรคตามระบบ
  • มะเร็ง
  • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
  • คำถามที่ท่านควรรู้ในเวชปฏิบัติทั่วไป
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • อ่าน 19,214 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

290-012
วารสารคลินิก 290
กุมภาพันธ์ 2552
คำถามที่ท่านควรรู้ในเวชปฏิบัติทั่วไป
นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน ChangeFusion พัฒนาระบบโดย Opendream สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa