Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » แนวทางการรักษาถุงน้ำบริเวณรังไข่ชนิด single cyst และ multiple cyst
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

แนวทางการรักษาถุงน้ำบริเวณรังไข่ชนิด single cyst และ multiple cyst

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2551 00:00

ถ้าท่านมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับเวชปฏิบัติและการใช้ยา โปรดส่งคำถามมาได้ที่ วารสารคลินิก คอลัมน์ "ปัญหาวิชาการ", 36/6 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถนนประดิพัทธ์ พญาไท กรุงเทพฯ 10400, พร้อมทั้งเขียนชื่อ นามสกุล และที่อยู่ปัจจุบันแนบมาด้วย เรายินดีเป็นกุญแจไขข้อข้องใจของท่านเสมอ

แนวทางการรักษาถุงน้ำบริเวณรังไข่ชนิด single cyst และ multiple cyst
ถาม
แนวทางการรักษาถุงน้ำบริเวณรังไข่ชนิด single cyst และ multiple cyst (polycystic) เป็นอย่างไร ให้ยากินชนิดใด โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยอายุน้อยและมีอาการปวดท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง.

สมาชิก clinic

ตอบ
แนวทางการดูแลรักษาถุงน้ำของรังไข่ แบ่งออกเป็นในสตรีก่อนหมดระดู (premenopause) และสตรีวัยหมดระดูแล้ว (menopause) ซึ่งยังแยกออกเป็นกลุ่มที่ไม่มีอาการ (asymptomatic) และมีอาการของก้อน (symptomatic).

สตรีก่อนหมดระดู
สตรีก่อนหมดระดู ถ้ามีถุงน้ำที่รังไข่
ไม่ว่าจะเป็น single cyst หรือ multi-septated cyst และมีอาการ (ทั่วๆ ไปจะเป็นอาการปวดท้อง ± ไข้) ให้ซักประวัติ, ตรวจร่างกาย/ตรวจภายใน, ทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ± การตรวจทางห้องปฏิบัติ การอื่นที่จำเป็น. ถ้าวินิจฉัยว่าเป็นถุงน้ำที่มีอาการเนื่องจากการบิดขั้ว (twist) แตก/รั่ว (rupture/leakage) หรือมีเลือดออกในก้อน (hemorrhage) หรือเป็นถุงหนองตั้งแต่ 8 ซม.ขึ้นไป ให้ทำการผ่าตัด. ในกรณีที่เป็นถุงหนองต้องให้ยาปฏิชีวนะ 6-12 ชม. ก่อนผ่าตัด แต่หากวินิจฉัยว่าเป็นถุงหนองที่เล็กกว่า 8 ซม. ให้ยาปฏิชีวนะที่ครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียทั้ง aerobe และ anaerobe เข้าทางหลอดเลือดดำ หากมีการตอบสนองที่ดีต่อการรักษาโดยไข้ลง ปวดท้องลดลง และก้อนเล็กลง ก็ให้ยาปฏิชีวนะต่อโดยสามารถเปลี่ยนเป็นยากินได้เมื่อไข้ลง 24-48 ชม.ไปแล้ว และให้ยา 1-2 สัปดาห์ หากให้ยาปฏิชีวนะแล้วอาการเลวลง ± ก้อนโตขึ้นหรือไม่เล็กลง ก็ให้ทำการผ่าตัดเช่นเดียวกัน.

สตรีก่อนหมดระดูถ้ามีถุงน้ำของรังไข่ที่ไม่มีอาการ ถ้าขนาดของก้อนตั้งแต่ 8 ซม.ขึ้นไป ให้ทำการผ่าตัด แต่ถ้าก้อนของรังไข่เล็กกว่า 8 ซม. ให้ซักประวัติ, ตรวจร่างกาย/ตรวจภายใน, ทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ± การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นที่จำเป็น เช่น serum tumor marker CA-125, CEA ฯลฯ หากพบสิ่งบ่งชี้ไปทางด้านมะเร็ง เช่น มีประวัติน้ำหนักลด, ก้อนโตเร็ว, ท้องมาน (ascites), ก้อนมีส่วนของเนื้อตัน (solid part), มีตุ่มเนื้อที่ผิวด้านในของก้อน (internal papillation) หรือตุ่มเนื้อที่ผิวนอกของก้อน (excrescence) หรือ septum ภายในก้อนหนากว่า 3 มม. หรือ tumor marker มีค่าสูงผิดปกติก็ให้ทำการผ่าตัด. หากไม่มีสิ่งบ่งชี้ข้างต้น โดยพบว่าเป็นถุงน้ำเดี่ยว (single cyst) ผนังบาง ขนาดเล็ก ไม่มีท้องมาน tumor marker อยู่ในเกณฑ์ปกติ ฯลฯ ก็ให้สังเกตและนัดมาตรวจติดตามใน 4-6 สัปดาห์ โดยจะให้กินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไม่ก็ได้ (ปัจจุบันไม่นิยมให้) หรือให้มีระดูผ่านไป 1 รอบ หากการตรวจซ้ำพบว่าก้อนเล็กลง/หายไป ซึ่งแสดงว่าเป็น functional หรือ physiologic cyst ก็ติดตามโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าก้อนคงอยู่ หรือมีขนาดโตขึ้น หรือมีข้อบ่งชี้ไปในทางมะเร็งเกิดขึ้น ก็ให้ทำการผ่าตัด.

สตรีวัยหมดระดูแล้ว
สตรีวัยหมดระดูแล้ว ถ้ามีถุงน้ำ/ก้อนที่รังไข่ที่มีอาการ ให้ทำการผ่าตัด ถ้าไม่มีอาการ แต่ขนาดก้อนโตกว่า 3 ซม. ก็ให้ผ่าตัดเช่นกัน เนื่องจากในสตรีวัยหมดระดูรังไข่ไม่ทำงาน/ไม่มีการตกไข่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีภาวะ functional cyst รังไข่ของสตรีวัยนี้ไม่ควรโตกว่า 3 ซม. กรณีไม่มีอาการ และก้อนโตไม่เกิน 3 ซม. และจากการซักประวัติ, ตรวจร่างกาย/ตรวจภายใน, ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง, ตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง serum tumor marker CA-125, CEA หากมีสิ่งบ่งชี้ไปทางด้านมะเร็งก็ให้ทำการผ่าตัด แต่ถ้าไม่มีสิ่งบ่งชี้ไปทางด้านมะเร็ง ให้ตรวจติดตาม หากไม่มีอาการใดๆ และขนาดก็ไม่โตขึ้น ก็ไม่ต้องผ่าตัด.

กรณีถุงน้ำของรังไข่ในเด็กก่อนมีระดู ซึ่งรังไข่ยังไม่ทำงานยังไม่มีไข่ตก ให้ดูแลเช่นเดียวกับสตรีวัยหมดระดูแล้ว ยกเว้นไม่ตรวจภายใน ให้ใช้ imaging แทน tumor marker ให้เพิ่ม maker ของเนื้องอกชนิด germ cell ไปด้วย อันได้แก่ serum alpha feto protein (AFP) และ b-hCG.

การผ่าตัด
การผ่าตัดแบ่งได้เป็น fertility sparing surgery หรือ conservative surgery สำหรับผู้ที่อายุ น้อย ยังต้องการมีลูก, radical surgery สำหรับผู้ที่อายุมาก และไม่ต้องการมีลูกแล้ว และ staging surgery สำหรับผู้ป่วยมะเร็งรังไข่. ในกรณีที่การประเมินก่อนผ่าตัดคิดว่าน่าจะหรือมีโอกาสเป็นมะเร็ง ควรส่งต่อไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวชทำการผ่าตัด เพื่อจะได้ทำการผ่าตัด staging surgery ให้ครบถ้วน รวมทั้งการเลาะต่อมน้ำเหลืองและตัดโอเมนตัม/ส่งน้ำในช่องท้องตรวจด้วย.

การผ่าตัดด้วยกล้อง (laparoscopic surgery) สามารถทำได้ในรายที่ไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง แต่อย่างไรก็ตามควรตระหนักไว้ว่าเนื้องอกบางชนิด เช่น mucinous cystadenoma แม้ไม่ใช่มะเร็งแต่หากมีการแตกในช่องท้องระหว่างผ่าตัดแล้วมูกในก้อนกระจายไปในช่องท้อง อาจมีภาวะ pseudomyxoma peritonei ตามมาได้.

ในคำถามข้อนี้สำหรับผู้ป่วยอายุน้อย และมีอาการปวดท้องน้อยก็ให้พิจารณาดูแลตามแนวทางที่กล่าวมาแล้วข้างต้น. ส่วนภาวะ polycystic ovary ถ้าหมายถึง PCOS หรือ polycystic ovarian syndrome ก็เป็นภาวะอีกชนิด (entity) หนึ่ง ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติทางต่อมไร้ท่อ (endocrine) ซึ่งมีแนวทางการดูแลรักษาที่แตกต่างออกไป.

สฤกพรรณ วิไลลักษณ์ พ.บ.

รองศาสตราจารย์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


การรักษา tinea versicolor
ถาม
50% propylene glycol ใช้ทารักษา tinea versicolor จะได้ผลดีหรือไม่

สมศักดิ์ ธรรมบุตร

ตอบ 50% propylene glycol สามารถใช้รักษา tinea versicolor ได้ผลดี โดยมีรายงานการใช้ 50% propylene glycol รักษาผู้ป่วย tinea versicolor จำนวน 20 ราย โดยให้ทาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายขาดร้อยละ 100 โดยมีผู้ป่วยจำนวนน้อยมากที่มีอาการระคายเคืองบนตำแหน่งที่ทายา.1

เอกสารอ้างอิง
1. Faergemann J, Fredriksson T. Propylene glycol in the treatment of tinea versicolor. Acta Derm Venereol 1980;60:92-3.

ณัฏฐา รัชตะนาวิน พ.บ.
หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


บรรณาธิการ
สุรางค์ เจียมจรรยา พ.บ.
ศาสตราจารย์, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล 

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • แม่และเด็ก
  • คุยสุขภาพ
  • ปัญหาวิชาการ
  • ระดู
  • พญ.ณัฏฐา รัชตะนาวิน
  • รศ.พญ.สฤกพรรณ วิไลลักษณ์
  • ศ.พญ.สุรางค์ เจียมจรรยา
  • อ่าน 25,573 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน ChangeFusion พัฒนาระบบโดย Opendream สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa