ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

ความสำคัญในการได้รับวัคซีนในสตรีมีครรภ์
     วัคซีนสามารถป้องกันสตรีและและทารกในครรภ์จากการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีผลต่อทารก โดยวัคซีนบางชนิดปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ แต่บางชนิดก็เป็นอันตรายได้ ถ้ากำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ควรตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนก่อนรับการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ และแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบก่อนการฉีดทุกครั้ง

 

วัคซีนที่แนะนำให้ฉีดในสตรีก่อนที่จะตั้งครรภ์

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

รับประทานยาอย่างถูกต้อง

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

  1.  ยาทานก่อนอาหารต้องทานก่อนอาหารนานเท่าไร เพราะเหตุใดต้องทานก่อนอาหาร

  • สาเหตุที่ต้องรับประทานยาก่อนอาหาร เป็นไปได้จากหลายสาเหตุเช่น เนื่องมาจากยาตัวนั้นไม่ทนต่อกรดในกระเพาะ ยาตัวนั้นดูดซึมได้น้อยเมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะ หรือต้องการให้ตัวยาออกฤทธิ์ภายหลังมื้ออาหารนั้น(เช่นยาเบาหวานบางชนิด)
  • ระยะเวลาที่ต้องทานก่อนอาหาร ขึ้นอยู่กับประเภทของยาตัวนั้นๆ โดยปกติให้ทานก่อนอาหาร ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเป็นช่วงที่กระเพาะอาหารว่าง และไม่มีกรดมาก
    ** กรณีที่ลืม ควรเปลี่ยนเป็นรับประทานหลังอาหารมื้อนั้นอย่างน้อย 2 ชั่วโมงแทน **
  • ผลเสียถ้าทานยาไม่ถูกเวลา ตัวยาอาจถูกดูดซึมลดลง เป็นผลทำให้ไม่หายจากโรค หรือถ้ากรณียาเบาหวาน ผลของยาที่ช่วยลดน้ำตาลของมื้ออาหารนั้นๆ ก็อาจออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่


  2.  ยาหลังอาหารต้องทานหลังอาหารนานเท่าไร เพราะเหตุใดต้องทานหลังอาหาร

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

      ยาแต่ละประเภทมีวันหมดอายุดังนั้นยาที่เก็บไว้ในตู้ยาระยะเวลานานๆ ยานั้นอาจเสื่อมคุณภาพได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการใช้ยาที่เสื่อมคุณภาพ เราควรรู้จักวิธีสังเกตก่อนที่จะใช้ยาว่าควรจะใช้หรือไม่ ซึ่งวิธีการสังเกตยาเสื่อมสภาพสามารถทำได้โดย

  1. ดูลักษณะทางกายภาพของยาที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น สีซีดจางลง หรือกลิ่นผิดปกติ ซึ่งยาแต่ละประเภทจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ได้แก่

1.1 ยาเม็ด สังเกตว่า เม็ดยาจะแตกร่วน สีเปลี่ยนไป มีจุดด่าง มีผงเกาะตามผิว ความมันวาวหายไป ขึ้นรา ในกรณียาเม็ดเคลือบน้ำตาล เม็ดยาอาจเยิ้มเหนียว มีกลิ่นหืน กลิ่นผิดไปจากเดิม
1.2 ยาแคปซูล สังเกตว่าแคปซูลจะบวม พองออก หรือจับกัน ผงยาในแคปซูลเปลี่ยนสี
1.3 ยาน้ำแขวนตะกอน สังเกตว่าตะกอนจะจับกันเป็นก้อน เกาะติดกันแน่น เขย่าแล้วไม่กระจายตัวดังเดิม มีความเข้มข้น กลิ่น สี หรือรสเปลี่ยนไป
1.4 ยาน้ำใส สังเกตว่ามีลักษณะขุ่น เกิดตะกอน ผงตัวยาละลายไม่หมด มีความเข้มข้น กลิ่น สี หรือรสเปลี่ยนไป
1.5 ยาขี้ผึ้งและครีม สังเกตว่าเนื้อยาแข็งหรืออ่อนกว่าเดิม เนื้อไม่เรียบ เนื้อยาแห้งแยกชั้น

 

     " นอกจากนี้ยาบางชนิดจำเป็นต้องเก็บรักษาอยู่ในอุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของยาก่อนกำหนด เช่น ยาหยอดตาบางชนิดควรเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา ส่วนยาหยอดตาหลังเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บนานเกิน 1 เดือน "

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

     เมื่อท่านได้รับยาทุกครั้ง ควรอ่านสลากยาหรือเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุ ชื่อยา วันผลิต วันหมดอายุของยาและลักษณะยาไม่เสื่อมสภาพ

  1. สังเกตุข้างกล่องว่าระบุวันหมดอายุหรือไม่ ซึ่งอาจจะระบุเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษก็ได้เช่น Exp. Date ,Used by, Uses before, Expired date, ใช้ก่อน, วันหมดอายุ เป็นต้น
  2. ในกรณีที่ฉลากไม่ระบุ "วันหมดอายุยา" โดยทั่วไปดูจากวันผลิต (Mfg) โดยอาจใช้เกณฑ์ดังนี้

2.1 ยาเม็ดไม่เกิน 5 ปี นับจากวันผลิต (Mfg)
2.2 ยาน้ำไม่เกิน 3 ปี นับจากวันผลิต (Mfg)
2.3 ยาฉีดมีอายุ 3 ปี นับจากวันผลิต (Mfg)
2.4 ยาทาเฉพาะที่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 3 ปี นับจากวันผลิต (Mfg)

3. ในกรณีที่ยาเปิดใช้แล้ว และแพทย์ไม่ระบุให้ใช้ติดต่อกันจนยาหมด เช่น ยาน้ำเชื่อมลดไข้ ยาครีม หรือยาอื่นๆ ให้พิจารณาดังต่อไปนี้

3.1 ยาในรูปแบบยาเม็ด, แคปซูล ควรทิ้งหลังจากเปิดใช้แล้ว 1 ปี หรือตามกำหนดวันหมดอายุขึ้นกับอันใดอันหนึ่งที่มาถึงก่อน
3.2 ยาที่ใช้ภายนอก ควรทิ้งภายใน 6 เดือนหลังจากเปิดใช้หรือตามกำหนดวันหมดอายุขึ้นกับอันใดอันหนึ่งที่มาถึงก่อน

 

เรียบเรียงโดย ภญ.ณัฎฐดา อารีเปี่ยม ศูนย์ข้อมูลยา (Drug Information Service)
ให้คำปรึกษาการใช้ยา โทร.02-6671480 E-mail: [email protected]<

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

ขณะรับยาจากเภสัชกร ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยควรฟังคำแนะนำ
การใช้ยาของเภสัชกรอย่างตั้งใจ และซักถามเมื่อมีข้อสงสัย ข้อมูลที่ควรทราบก่อนใช้ยามีดังต่อไปนี้

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

ผู้ป่วย : วัคซีนสามารถป้องกันโรคได้อย่างไร
เภสัชกร :เมื่อเราได้รับวัคซีน ร่างกายจะสร้างสารที่เรียกว่า “แอนติบอดี้” (antibodies) ขึ้นมา ซึ่งก็คือโปรตีนในร่างกายที่มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อยู่ในวัคซีนนั้นๆ โดยเชื้อนั้นอาจเป็นชนิดที่ถูกทำให้อ่อนกำลังลงหรือชนิดเชื้อตายก็ได้ “แอนติบอดี้” ที่สร้างขึ้นมานี้จะจดจำเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเอาไว้ แล้วจะถูกเก็บอยู่ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อไป หากในอนาคตเราได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดเดิมเข้าสู่ร่างกาย “แอนติบอดี้” ตัวนั้นก็ สามารถต่อสู้และฆ่าเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ ทำให้เราไม่เกิดการติดเชื้อโรคนั้น เมื่อเวลาผ่านไปภาวะภูมิคุ้มกันโรคบางชนิดสามารถคงอยู่ได้นานตลอดชีวิต แต่บางชนิดภาวะภูมิคุ้มกันโรคอาจลดลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องมีการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

คุณรู้จัก NSAIDs หรือไม่?
     ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non Steroidal Anti-inflammatory drugs) หรือที่เรียกกันอย่างย่อว่า NSAIDs (เอ็น-เสด) เป็นกลุ่มยาที่ถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจากสาเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อและเอ็นอักเสบ ข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน ปวดศีรษะและ ไมเกรน ปวดฟัน ปวดหลังทำการผ่าตัด และอาการปวดอื่นๆ


NSAIDs ทำงานอย่างไร?
     เมื่อเกิดการอักเสบ ร่างกายจะมีการหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งสารตัวนี้ทำให้เนื้อเยื่อที่บาดเจ็บเกิดการบวมแดงบริเวณรอบ และทำให้เรารู้สึกปวด ยา NSAIDs จะทำหน้าที่ยับยั้งการสร้างพรอสตาแกลนดินที่เป็นต้นเหตุของการอักเสบ


ข้อควรระวังเมื่อใช้ NSAIDs
     ยาต้านอักเสบที่จัดอยู่ในกลุ่ม NSAIDs มีมากมาย ตัวอย่างยาได้แก่ Diclofenac, Piroxicam, Meloxicam, Ketoprofen, Naproxen, Mefenamic acid, Nabumetone, Nimesulide เป็นต้น NSAIDs บางตัว เช่น Ibuprofen และ Aspirin สามารถใช้ลดไข้ได้ดี นอกจากนี้ Aspirin ขนาดต่ำยังสามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจได้ด้วย NSAIDs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพช่วยบรรเทาอาการปวดอักเสบได้โดยปราศจากผลข้างเคียงในคนไข้ส่วนใหญ่ หรืออาจเกิดผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยในคนไข้บางราย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการใช้ NSAIDs ในกรณีดังต่อไปนี้

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

ทำอย่างไรให้ไขมันดีสูงขึ้น
     คุณทราบหรือไม่ว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจก็คือ การลดระดับไขมัน LDL ควบคู่ไปกับการเพิ่มระดับ HDL


คุณรู้จัก Cholesterol ดีแค่ไหน
     Cholesterol จะอยู่ในเลือดของเราอยู่แล้ว โดยจะจับกับโปรตีนเรียกว่า Lipoprotein แล้วก็ไหลเวียนไปตามหลอดเลือดทั่วร่างกาย ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับ Cholesterol ที่น่าสนใจกันดีกว่า

ถามตอบปัญหาจากทางเว็บไซต์ เดือน/ปี: 06/2010

สาเหตุ
      อาการแพ้ยา เกิดจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่มากเกินไป เพราะเข้าใจว่ายาที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นสิ่งแปลกปลอม อาการแพ้ยาเป็นภาวะที่เกิดกับประชากรส่วนน้อยที่ได้รับยานั้น ๆ เพราะโดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดความผิดปกติใด ๆ อาการแพ้ยาอาจเกิดทันทีหลังจากได้รับยาเป็นครั้งแรก หรืออาจเกิดหลังจากได้รับยานั้นมาแล้วหลายครั้งก็ได้


อาการ
      ผู้ป่วยที่แพ้ยาส่วนใหญ่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น อาการผื่นคัน หรือ ลมพิษ อย่างไรก็ตาม การแพ้ยาที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าปฏิกิริยาการแพ้นั้นเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ซึ่งได้แก่ภาวะที่เรียกว่า Anaphylaxis (อะ-นา-ไฟ-แลก-ซิส) โดยการแพ้ในรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นทันทีที่ผู้ป่วยได้รับยาอาการแสดงของภาวะนี้ได้แก่ อาการหายใจติดขัด หลอดลม ตีบและเกร็ง รวมทั้งมีความดันโลหิตต่ำและอาจช็อคได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขทันเวลาอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต

 

ยาที่มักเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยแพ้