• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สมเด็จย่ากับการยกระดับจิตวิญญาณของชาติ

สมเด็จย่ากับการยกระดับจิตวิญญาณของชาติ


กรณีสวรรคตของสมเด็จย่าก่อให้เกิดประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ (spiritual experience) แก่คนไทยทั้งชาติ

ที่กล่าวนี้อาจจะไม่เข้าใจ เพราะคนในปัจจุบันได้สูญเสียความเข้าใจเรื่องนี้ไปมาก จึงขอถือโอกาสอธิบายให้ฟัง สิ่งที่เรียกว่า จิตวิญญาณ หรือที่ตรงกับภาษาอังอังกฤษว่า spirituality นี้เป็นมิติของความเป็นคน

ที่ว่าเป็นมิติของความเป็นคนนั้น เพราะสิ่งนี้สัตว์ไม่มี มีแต่คน เพราะธรรมชาติทางสมองของสัตว์ รับรู้ คิด และรู้สึก ได้จำกัด จึงรับรู้ คิด และรู้สึกได้เฉพาะมิติที่เป็น รูปธรรม เท่านั้น แต่ขาดสัมพันธภาพกับสิ่งที่เป็น นามธรรม ฉะนั้นเมื่อหมาไปฆ่าแมว หรือแมวไปฆ่าหนูจึงไม่มีใครว่ามันทำบาป เพราะบาปบุญไม่มีสำหรับสัตว์ มีแต่ธรรมชาติของสัตว์ล้วน ๆ บาปบุญเป็นเรื่องของนามธรรม

มนุษย์ แม้เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง แต่สมองของมนุษย์ต่างจากสัตว์อื่น ๆ สมองของมนุษย์เป็นโครงสร้างที่วิจิตรพิสดารที่สุดในจักรวาล ทำให้สามารถรับรู้ คิด และรู้สึกในมิติทางนามธรรม อันสัตว์ไม่มี บาปบุญเป็นเรื่องของ คุณค่า อันเป็นนามธรรม จึงเป็นเรื่องที่มีกับมนุษย์เท่านั้น สัตว์ไม่มี

คุณค่า เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งหรือสูงส่ง คำว่ามนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง จิตใจสูง หมายถึงจิตใจที่รับรู้ คิดและรู้สึก หรือสัมพันธ์กับคุณค่าอันสูงส่งได้ มนุษย์มิได้มีแต่สัมพันธภาพกับวัตถุเท่านั้น แต่มีสัมพันธภาพกับนามธรรมที่มีคุณค่าอันสูงส่งได้ และนี้คือความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างจากสัตว์

กระแสความเป็นไปในโลกในปัจจุบันและวิธีการเรียนรู้ได้ทำลายการรับรู้ การคิด และความรู้สึกในมิติอันสูงส่งไปอย่างน่าเสียดาย เช่น คนแต่ก่อนอยู่กับธรรมชาติ มีความรู้สึกซาบซึ้งถึงคุณค่าอันสูงส่งของธรรมชาติ เช่น แผ่นดิน แม่น้ำ ต้นไม้ ได้เกิดความคิด อันเป็นนามธรรมเกี่ยวกับธรรมชาติเหล่านี้ เช่น แม่พระธรณี แม่คงคา รุกขเทวดา คำเหล่านี้เป็นการเรียกขานเชิงนามธรรมที่สื่อคุณค่า เพื่อสัมพันธภาพด้วยความเคารพ เมื่อเคารพ ก็ไม่ทำลาย เช่น ถ้าจะทำอะไรกับแผ่นดินกับแม่น้ำ หรือกับต้นไม้ ก็ให้นึกว่า
แผ่นดินคือพระแม่ธรณี
แม่น้ำคือพระแม่คงคา และ
ในต้นไม้มีเทพหรือเทวดาอยู่ที่เรียกว่ารุกขเทวดา
เช่นนี้เป็นความละเอียดอ่อนและลึกซึ้งแห่งความเป็นมนุษย์ นี้คือมิติทางจิตวิญญาณ

โปรดสังเกตว่าเกี่ยวกับสิ่งที่มีคุณค่าสูงส่งมักเรียกว่า แม่ เช่น แม่ธรณี แม่คงคา ในภาษาอังกฤษ เวลาเรียกธรรมชาติบางครั้งพูดว่า Mother Nature หรือพระแม่ธรรมชาติ เพราะคำว่า แม่ สื่อถึงคุณค่าอันสูงส่งถึงจิตวิญญาณ
สำหรับคนไทยแล้วสมเด็จย่าคือ แม่ของแผ่นดิน
เห็นไหมว่านี้เป็นมิติทางจิตวิญญาณ
ที่ว่าต้นไม้มีรุกขเทวดานี้เป็นมิติทางจิตวิญญาณ แต่เมื่อเอาวิทยาศาสตร์เข้าไป วิเคราะห์ต้นไม้ ก็พบแต่ธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส...ไม่เห็นมีรุกขเทวดา เพราะวิทยาศาสตร์อย่างที่เข้าใจกันเกี่ยวข้องกับวัตถุเท่านั้น ถ้าไม่เข้าใจขอบเขตหรือข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์อย่างที่เข้าใจกัน และพูดกันว่าทำอะไร ๆ ให้เป็นวิทยาศาสตร์ “วิทยาศาสตร์” นั้นก็จะมาจำกัดความเข้าใจของเราให้เหลือแต่มิติทางวัตถุ ขาดมิติที่ลึกซึ้งทางนามธรรมไป ในเมื่อมิติทางนามธรรม อันเป็นคุณค่าอันสูงส่งเป็นเรื่องของความเป็นมนุษย์ วิถีคิดที่จำกัดอยู่แค่วัตถุธรรมจึงเท่ากับลดทอนความเป็นมนุษย์ลง

กระแสโลกในปัจจุบันซึ่งเป็นกระแสของวัตถุธรรมเป็นใหญ่ จึงลดทอนมนุษย์ลงให้เหลือแต่ความหยาบตื้นเขิน ขาดความเคารพต่อธรรมชาติและต่อเพื่อนมนุษย์ จึงเข้าไปสู่การทำลายในนามของการพัฒนา จึงเห็นปรากฏการณ์ที่ว่า แม้มีการพัฒนาก็มีการทำลายมากขึ้น เช่น ทำลายธรรมชาติ ทำลายจิตใจ ทำลายสังคม ดังจะเห็นได้ว่ามีความรุนแรงมากขึ้น และสุขภาพจิตเลวลง ซึ่งลึก ๆ แล้วเป็นเพราะความเป็นมนุษย์ลดลง เนื่องจากมิติทางจิตวิญญาณลดลง

ดังนี้ การพัฒนาที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจสิ่งที่มนุษย์เท่านั้นมี แต่ปล่อยให้สูญเสียไปคือมิติทางจิตวิญญาณ
คำว่า จิตวิญญาณ ต่างจากจิตและวิญญาณ
จิต หมายถึง ความรู้สึก สุขทุกข์ ชอบไม่ชอบ
วิญญาณ หมายถึง การรู้ (consciousness) เช่น รู้ทางตาเรียกว่า จักษุวิญญาณ รู้ทางหูเรียกวา โสตวิญญาณ
แต่คำว่า จิตวิญญาณ หมายถึง สภาพจิตหลุดออกจากการถูกกักขังในความคับแคบของตัวเอง ไปเชื่อมกับสิ่งที่ทรงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ ทำให้จิตปริมณฑลขยายใหญ่ออกไป อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สิ่งที่ทรงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ อาจเป็นธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ศิลปะอันยิ่งใหญ่ พีระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันไพศาล ความดีงาม เป็นต้น

เมื่อมีการยกระดับทางจิตวิญญาณ หรือเกิดความมีจิตวิญญาณหรือมีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและทางกายอย่างใหญ่หลวง เป็นความรู้สึกที่ซึมซาบเอิบอาบไปทั่วสรรพางค์กาย เป็นอิสระ กายใจสงบ มีความรักอันไพศาล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ง่าย มีความสุขอย่างลึกซึ้ง ความสุขทางจิตวิญญาณ (spiritual happiness) เป็นความสุขอันประณีตและล้ำลึก เลยความสุขทางวัตถุออกไป ถ้าใครยังไม่เคยพบความสุขทางจิตวิญญาณ จะยังไม่เคยพบความสุขที่แท้จริง จึงแสวงหาและทำลายเรื่อยไป

การพัฒนาทางจิตวิญญาณจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับบุคคล สำหรับประเทศ และสำหรับโลก สันติภาพจักพึงบังเกิดขึ้น

สมเด็จย่า
ทรงเป็นที่เคารพรักถึงมิติทางจิตวิญญาณของคนทั้งแผ่นดิน เพราะคุณงามความดีของพระองค์ท่าน 2 ประการด้วยกัน คือ

หนึ่ง ทรงเป็นแม่ที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูลูก และให้พระมหากษัตริย์ที่ดีแก่ประเทศไทยถึง 2 พระองค์
สอง ทรงมีพระเมตตาอันไพศาลต่อผู้คนทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน ชาวเขา ตำรวจ ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย อันเป็นสิ่งที่ประชาชนรู้เห็นได้ว่าเป็น ธรรมชาติแท้ ในพระองค์ท่านเองที่ไม่ใช่การเสแสร้ง ทรงเกื้อหนุนส่งเสริมการศึกษา งานด้านสาธารณสุข ส่งเสริมอาชีพ ทั้งชาวชนบท ชาวเขา ทรงรักต้นไม้ ห่วงใยธรรมชาติ การที่ทรงตรากตรำพระวรกายออกเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดาร อันเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของพระเจ้าอยู่หัว เป็นสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของคนไทยทั้งหมด

คนไทยรักคนทำความดีและมีความกตัญญูรู้คุณคน เมื่อได้มาประสบพบคนที่ทำคุณงามความดีอันอย่างไพศาลอย่าง สมเด็จย่า ความรู้สึกจึงแล่บขึ้นถึงมิติทางจิตวิญญาณ
สมเด็จย่าจึงเป็นแม่ของคนทั้งแผ่นดิน
เพราะเหตุนี้ แม่ ในที่นี้เป็นมิติทางจิตวิญญาณ เหมือนดังที่มีการเรียกขานสิ่งอันทรงคุณค่าว่า แม่ เช่น แม่ธรณี แม่คงคา หรือพระแม่ธรรมชาติ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

เมื่อ สมเด็จย่า สิ้นพระชนม์จึงมีผลกระทบต่อพฤติกรรมของคนไทยทั้งประเทศ การหยุดทำความไม่ดีต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โรงอาบอบนวดปิดกิจการ การฆ่าสัตว์หยุด การร่ำสุราบาลหยุด ใครที่จะทำอะไรไม่ดีต่อใครหยุด แม้รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ในวันนั้นก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย ที่สังคมไทยอยู่ในความสงบ ประหยัดใจ ประหยัดวาจา ประหยัดกาย จึงไม่ถูกโจมตีรุนแรงตั้งแต่ยังตั้งตัวไม่ได้

การที่จะให้คนหยุดทำความชั่วนั้นเป็นเรื่องยาก
อำนาจใด ๆ ก็เกือบจะหยุดยั้งการทำชั่วของคนไม่ได้เลย นอกจากอำนาจของคุณงามความดีถึงขนาดที่มีผลต่อการยกระดับจิตวิญญาณของผู้คน

ขณะนี้โลกกำลังประสบความตึงเครียดและความแตกสลาย เพราะการพัฒนาทางวัตถุที่ทอดทิ้งการพัฒนาทางจิตวิญญาณ สังคมไทยมีจุดแข็งที่ซ้อนเร้นอยู่คือ จุดแข็งทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ จริงอยู่ประเทศไทยต้องสร้างความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งที่ ตาม เขา ความเข้มแข็งที่เราอาจจะ นำเขาได้คือ ความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ

สังคมไทยเป็นสังคมเปิดและปรับตัวง่าย คนไทยเป็นคนมีน้ำใจ ความยิ้มแย้มแจ่มใส การฉายประกายความสุข การประนีประนอม เหล่านี้คือจุดแข็งทางวัฒนธรรมของเรา อันเป็นเรื่องที่หาได้ยากในโลก
ประเทศไทยมีพุทธศาสนาเป็นหลัก ในขณะที่เปิดกว้างให้แก่ศาสนาอื่นด้วยความเป็นมิตร ถึงขั้นที่พระเจ้าแผ่นดินให้ความอุปถัมภ์เลยทีเดียว ทำให้ศาสนิกของศาสนาอื่น ๆ ได้รับความอบอุ่นเหลือคณานับในสังคมไทย อันเป็นเรื่องหาได้ยาก และนับเป็นความเจริญทางจิตใจอย่างสูง

ประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่คนอื่น ๆ เขาอยากไปมาหาสู่เพราะมาแล้วมีความสุข นี้เป็นจุดแข็งทางวัฒนธรรมของเราที่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในสมัยโลกาภิวัตน์ ประโยชน์ในที่นี้มิได้หมายความเฉพาะทางเศรษฐกิจ แต่ในทางที่เราจะทำประโยชน์แก่โลกด้วย

พุทธศาสนาก็เป็นจุดแข็งของเรา พุทธศาสนามีคำสอนที่ลึกซึ้งอันสามารถทำให้มนุษย์บรรลุอิสรภาพได้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพในขณะที่ความรุนแรงในรูปต่าง ๆ กำลังเพิ่มขึ้นทุกหนทุกแห่ง เรามีพุทธสถานและพุทธปฏิมากรรมอันสวยงามเต็มประเทศไปหมด ถ้าเราเข้าใจเรื่องมิติทางจิตวิญญาณ พุทธสถานและพุทธประติมากรรมก็จะเป็นที่มีชีวิตที่เป็นสื่อเชื่อมโยงกับพัฒนาการทางจิตวิญญาณ แต่ถ้าคนไทยมีแต่วัตถุธรรมและสูญเสียเครื่องรับทางจิตวิญญาณไปหมดแล้วไซร้ พุทธสถานและพุทธปฏิมากรรมก็จะกลายเป็นวัตถุที่ไร้วิญญาณ ไร้ความหมาย รอเวลาเป็นซากสลักหักพังไปกับตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย

วัตถุจะมีคุณค่าหรือเสมือนมีวิญญาณก็ต่อเมื่อปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ที่มีเครื่องรับในคุณค่านั้น ๆ แต่ถ้ามนุษย์ขาดเครื่องรับคุณค่า วัตถุนั้น ๆ ก็จะเป็นเพียงซากของกาลเวลา

ในยุคสมัยปัจจุบันอันเชี่ยวกรากด้วยกระแสธารแห่งวัตถุธรรม วัฒนธรรม และวัตถุทางจิตวิญญาณเกือบจะกลายเป็นซากทางประวัติศาสตร์ที่ไร้ชีวิตไปหมดแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับตายสนิททีเดียว ถ้าคนไทยช่วยกันทำความเข้าใจ และฟื้นฟูจิตสำนึกทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ สิ่งที่เกือบเป็นซากเต็มประเทศจะกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ และมีปฏิสัมพันธ์กับคนไทย ทำให้เกิดพลังชีวิตและพลังสังคม

การมีความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมและทางจิตวิญญาณไม่ได้แปลว่าเราจะดึงสังคมถอยหลังไปสู่ความเป็นโบราณและปฏิเสธความเป็นสมัยใหม่ สังคมสมัยใหม่นั่นแหละอดอยากและหิวโหยต่อรากเหง้าทางวัฒนธรรม และมิติทางจิตวิญญาณอย่างยิ่ง วัฒนธรรมเป็นรากฐานของสังคม ปฏิมากรรมจะสูงใหญ่ ฐานรากจะต้องแข็งแรงมิฉะนั้นจะสั่นคลอนหรือหักพังได้ง่าย จิตวิญญาณจะให้ความมีชีวิตแก่สังคมมนุษย์ สังคมมนุษย์มิควรเป็นเพียงกองวัตถุที่ไร้วิญญาณ

เรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องนามธรรมอันเข้าใจได้ยาก โดยเฉพาะในสังคมที่สูญเสียมิติทางนามธรรมต่อวัตถุธรรมไปมากแล้ว แต่ปรากฏการณ์เกี่ยวกับ สมเด็จย่า จะช่วยให้สังคมไทยเข้าใจมิติทางจิตวิญญาณได้ง่ายขึ้น

ความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติที่มีต่อ สมเด็จย่า ในขณะนี้นั่นแหละเป็นมิติทางจิตวิญญาณ ที่ถ้าคนไทยมีถึงขนาด สมเด็จย่าก็ไม่ตาย แต่กลายเป็นนามธรรมที่สถิตอยู่ทั่ว ๆ ไปรอบตัวและในตัวเรา มีปฏิสัมพันธ์กับเราตลอดเวลา เพื่อเป็นเครื่องกำกับให้เราทำความดี

คนที่มีมิติทางจิตวิญญาณก็เหมือนมีเครื่องรับที่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอันทรงคุณค่าสูงส่งได้ตลอดเวลา ทำให้เราเป็นคนที่เสมือนมีทิพยสัมผัส มีความลึกซึ้ง ดื่มด่ำ เอิบอาบ ซาบซ่านอยู่ในความดี หรือมีความเป็นมนุษย์ มิใช่เป็นเพียงกองวัตถุที่เคลื่อนไหวได้เท่านั้น

เพราะเหตุฉะนี้ จึงกล่าวว่าปรากฏการณ์เกี่ยวกับ สมเด็จย่า ในยุคสมัยแห่งประวัติศาสตร์ของคนชาติไทย จะช่วยยกระดับจิตวิญญาณของชาติ และถ้าคนไทยทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้ดีและช่วยเติมเสริมต่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีมิติทางจิตวิญญาณขึ้นมาแล้วไซร้ ประวัติศาสตร์ของเรา บรรพบุรุษของเรา วัฒนธรรมของเรา พุทธสถาน และพุทธประติมากรรม อันมีเต็มประเทศของเรา จะลุกขึ้นมามีชีวิตใหม่และมีปฏิสัมพันธ์กับคนไทย ช่วยให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีพลัง มีพลังจนเป็นมหาอำนาจได้ เป็น มหาอำนาจทางคุณงามความดี ที่จะช่วยโลกได้ บนหนทางแห่งสันติภาพ


 

ข้อมูลสื่อ

203-001
นิตยสารหมอชาวบ้าน 203
มีนาคม 2539
อื่น ๆ
ศ.นพ.ประเวศ วะสี